วันนี้ ขอขี้โกงพูดถึงหนังสือที่อ่านไม่จบบ้างนะคะ ปกติเวลาเราจะเลือกหนังสือมาอ่าน สิ่งที่เราสนใจมากที่สุดคือชื่อคนแต่ง แต่วันหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว แค่เราเห็นหน้าปกหนังสือเล่มนี้ ก็ทำให้เราตัดสินใจว่าจะอ่านทันที เพราะหน้าปกอย่างเดียวเลยค่ะ ทั้งๆ เราไม่เคยรู้จักเรื่อง ไม่รู้จักคนแต่งมาก่อนเลย เรื่อง Envy เป็นหนังสือที่มีหน้าปกสวยสะดุดตามาก นางแบบบนหน้าปกสวยสุดๆ แล้วดูชุดเสื้อผ้าของนางเอกบนหน้าปกสิ โอ้ย เราชอบมากถึงขนาดเข้าเว็บไซต์ของหนังสือ และจัดแจงดาวน์โหลดรูปภาพมาใช้เป็นวอลล์เปเปอร์ของเครื่องโน้ตบุ๊คเราซะเลย หน้าปกซีรีส์นี้สวยทุกเล่ม แต่ Envy สวยที่สุด ภาพปกแสดงรูปตัวละครหลักในเรื่อง 4 คน เล่มแรกเป็นรูปเอลิซาเบธ เล่มสองเพนเนโลปี เล่มสามไดอาน่า เล่มสี่เป็นลิน่า ในงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมานี้ เราเห็น The Luxe ฉบับแปลไทย ก็ใช้รูปหน้าปกแบบเดียวกันด้วย
เช็คข้อมูลพบว่า นี่เป็นหนังสือในชุด The Luxe Series เป็นนิยาย Young-adult ที่จับกลุ่มนักอ่านหญิงวัยรุ่น ซึ่ง Envy เป็นเล่มที่สาม ต่อจาก The Luxe และ Rumors พอได้มาก็จัดแจงโหลดลงเครื่องทั้ง 3 เล่ม แค่เริ่มต้นเปิดหน้าแรกของ The Luxe ก็ทำให้เราตื่นเต้นแล้ว เพราะหนังสือชุดนี้ ขึ้นต้นเรื่องด้วยการ quote ถ้อยคำจากนิยายในดวงใจของเราเล่มหนึ่งคือ เรื่อง The Age of Innocence ของ Edith Wharton มา เพื่อนำเข้าสู่ฉากของเรื่องซึ่งเป็นยุคสมัยเดียวกัน เป็นเรื่องราวในสังคมผู้ดีของนิวยอร์กช่วงศตวรรษที่ 19 สังคมที่ให้ความสำคัญสุดชีวิตต่อหน้าตาชื่อเสียง นำไปสู่ความปลิ้นปล้อนหักหลังและการใส่หน้ากากเข้าหากัน การปกป้องรักษาชื่อเสียงของตนและวงศ์ตระกูลสำคัญยิ่งกว่าความต้องการของหัวใจ และนี่คือเรื่องราวการชิงรักหักสวาทของหญิงสาว 4 คน ที่อาศัยอยู่ในยุคสมัยนั้น
ต่อไปนี้ ระวังนะคะ เราจะสปอยล์แหลกราญเลย เพื่อบอกว่า ทำไมซีรีส์นี้ถึงเป็นเรื่องที่เราอ่านไม่จบ
ในปี 1899 เรื่องราวของ The Luxe เริ่มขึ้นโดยแนะนำเราให้รู้จักกับ เอลิซาเบธ ฮอลแลนด์ วัย 18 ปี หญิงสาวผู้เพียบพร้อมทั้งความงามและชาติตระกูลผู้ดี เธอเป็นดาวเด่นของวงสังคม นั่นคือภาพภายนอก แต่ภายในใจของเธอมีความลับซุกซ่อนอยู่ เธอแอบรักอยู่กับวิลเลียม เคลเลอร์ เด็กหนุ่มคนขับรถม้าของครอบครัวที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอ แต่ด้วยความจำเป็นหลังจากการเสียชีวิตของพ่อ เพื่อรักษาฐานะครอบครัว แม่ของเธอยื่นคำขาดให้เอลิซาเบธแต่งงานกับ เฮนรี่ ชูนเมคเกอร์ ชายหนุ่มรูปหล่อจากครอบครัวชั้นนำ เมื่อดูจากภายนอก เอลิซาเบธกับเฮนรี่ เป็นคู่หมั้นที่เหมาะสมกันมากที่สุด แต่ทั้งสองไม่มีใจให้กันเลย เฮนรี่จำต้องเลือกเอลิซาเบธเพราะคำสั่งของพ่อ เขามีสัมพันธ์สวาทอยู่ก่อนแล้วกับเพนเนโลปี เฮยส์ สาวแสบลูกสาวเศรษฐีใหม่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเอลิซาเบธเอง การหมั้นของทั้งคู่ ทำให้เพนเนโลปีแค้นเคืองใจ และตั้งใจจะทำทุกวิถีทางไม่ยอมปล่อยให้เฮนรี่หลุดมือไปเป็นอันขาด แต่เฮนรี่เองกลับไม่ได้รักใคร่เสน่หาในตัวเพนเนโลปีมากมายอะไร เมื่อเขาต้องมาเยี่ยมเยียนเอลิซาเบธตามธรรมเนียม ก็ทำให้เขาได้มีโอกาสพบไดอาน่า ฮอลแลนด์ น้องสาวแสนสวยของเอลิซาเบธ ชายหนุ่มประทับใจกับความดื้อรั้นเป็นตัวของตัวเองของไดอาน่า และเริ่มก่อตัวเป็นความรัก ไดอาน่าเองก็อดมีใจให้แก่ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ผู้เป็นคู่หมั้นของพี่สาวตัวเองไม่ได้ ในขณะที่เอลิซาเบธก็ต้องทุกข์ทรมานใจ เมื่อวิลกำลังจะจากไปเผชิญโชคทางตะวันตก เพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอแต่งงานกับชายอื่น และหญิงสาวอีกผู้หนึ่ง ลิน่า บราวด์ สาวใช้คนสนิทของเอลิซาเบธเอง ก็กลายมาเป็นศัตรูของเธออีกคน เพราะลิน่าเองก็หลงรักวิลมาตลอดเช่นกัน ความสัมพันธ์อันสับสนอลหม่านของหญิง 4 ชาย 2 เป็นเรื่องราวหลักๆ ใน The Luxe เล่มแรก
ถ้าถามว่าเรื่องสนุกมั้ย ก็สนุกดีนะคะ และเพราะนี่ไม่ใช่นิยายโรแมนซ์ที่เราคาดหวังถึง Happy Ending ได้ทันทีตั้งแต่ก่อนอ่าน ก็เลยสามารถหลอกล่อให้ผู้อ่านอยากรู้ติดตามว่า แล้วใครจะลงเอยกับใครได้ แต่อย่างที่บอกตอนแรกว่า The Luxe เป็นนิยายจับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ซึ่งมีผู้ให้นิยามไว้ว่าเหมือน Gossip Girl ยุคโบราณ เราไม่ได้อ่านหรือดูเรื่อง Gossip Girl แต่เราคิดว่า อารมณ์ของ The Luxe ก็ประมาณเหมือน TV Series เรื่อง Dawson's Creek หรือ Popular คือ ชีวิตวัยรุ่นไฮสกูล วุ่นวายเรื่องเพื่อนเรื่องแฟน เดี๋ยวคนนี้คู่กับคนนั้น คนนั้นคบกับคนนี้ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะเป็นฉากยุคโบราณ แต่มิติความลึกของตัวละคร มันยังไม่เท่าอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครผู้ใหญ่เหมือนในนิยายโรแมนซ์ ตอนอ่านซีรีส์นี้ไปก็รู้สึกถึงความแก่ของตัวเองเลย
แต่ไหนๆ แล้ว เพราะอยากรู้เรื่องราวว่าจะเป็นไงต่อ อ่านเล่มหนึ่งจบ ก็ต่อที่เล่มสองคือ Rumors เลย หลังจากที่เอลิซาเบธจากไป ก็ใช่ว่าไดอาน่าจะได้ลงเอยกับเฮนรี่ง่ายๆ เพราะมันไม่เหมาะไม่ควรที่จะมารักกับน้องสาวอดีตคู่หมั้น ส่วนเพนเนโลปีที่นึกว่ากำจัดเอลิซาเบธให้พ้นทางไปได้แล้ว แต่กลับพบว่าศัตรูหัวใจของเธอจริงๆ คือไดอาน่าต่างหาก เพนเนโลปีแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับลิน่าผู้ทะเยอทะยาน เพื่อหาหนทางทำลายไดอาน่าและดึงเฮนรี่กลับคืนมา ครอบครัวฮอลแลนด์ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเรื่องเงินและอาการป่วยของแม่ จนไดอาน่าต้องเขียนโทรเลขขอความช่วยเหลือจากพี่สาว เอลิซาเบธจึงเดินทางกลับบ้าน และจุดหักเหที่เป็นสาเหตุให้เราอ่านซีรีส์นี้ไม่จบก็อยู่ตอนท้ายเล่มสองนั่นเอง เราไม่ติดใจเรื่องวิลนะคะ บางคนไม่ชอบที่เรื่องพลิกแบบนั้น แต่เรากลับรับไม่ได้เรื่องเฮนรี่มากกว่า
สปอยล์
โอ๊ย ทำได้ไง ทำแบบนั้นด้วยเหตุผลว่า ปกป้องชื่อเสียงไดอาน่าเนี่ยนะ เฮ้ย ไอ้ที่ทำมันไม่ยิ่งทำร้ายไดอาน่ามากกว่าหรือ เรางงๆ กับตรรกะของเฮนรี่มากเลย แต่ก็ไม่แน่ใจกับสภาพสังคมสมัยนั้นเหมือนกัน เพราะอ่านโรแมนซ์จนชิน นางเอกเจอเรื่องอื้อฉาวถูกสังคมนินทาประจำ จนเราไม่คาดว่าเฮนรี่จะต้องพยายามปกป้องชื่อเสียงของไดอาน่าด้วยวิธีการแบบนั้น และนั่นฆ่าความรู้สึกที่เรามีต่อเรื่องนี้ทันที
เพราะเสียความรู้สึก และเพราะขี้เกียจรอลุ้นแล้วว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นยังไง ก็เลยจัดการสปอยล์ตัวเองซะ เมื่อ Splendor นิยายเล่มสุดท้ายในชุดออกมา เราก็เปิดอ่านตอนจบเลย และสิ่งที่ได้รับรู้ก็ยิ่งทำให้เราหมดไฟในการกลับไปอ่าน Envy เล่มสาม กับ Splendor เล่มสี่ให้จบดีๆ ซึ่งค่อนข้างผิดวิสัย ถ้าไม่ใช่ว่าห่วยจริงๆ อ่านเรื่องไหนมาแล้ว เราก็จะอ่านให้จบ แต่ทั้งๆ ที่เรายังเก็บเรื่องนี้ไว้ในเครื่อง คั่นหน้าไว้เรียบร้อยอยู่บนสุดของหน้าจอ เพื่อรอให้กลับมาอ่าน แต่ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ไม่เกิดความรู้สึกอยากกลับไปอ่านเสียที เพราะฉะนั้น เราจึงตัดสินใจว่าจะไม่อ่านซีรีส์นี้ต่อแล้ว และเอามาเขียนบล็อกซะ เพื่อเป็นการบอกลา
อย่าเข้าใจผิดว่าเรื่องห่วย หรือเรื่องจบแย่มากนะคะ มันเป็นฉากจบที่สมเหตุสมผล คนดีได้ดี คนที่ร้ายก็ได้บทเรียนที่สาสม แต่ยังไงเราก็อดผิดหวังนิดๆ ไม่ได้อยู่ดี เพราะไดอาน่าเป็นตัวละครที่เราชอบที่สุดในเรื่อง ไม่ใช่แค่ความประทับใจจากนางแบบบนหน้าปกอย่างเดียวนะคะ ในนิยายเราก็ชอบนิสัยไดอาน่ามากที่สุด ถึงจะเสียความรู้สึกกับการกระทำของไดอาน่าเรื่องเกรย์สัน แต่ก็ยังเอาใจช่วยอยู่ ถึงแม้ผู้แต่งจะยืนยันว่าจบแบบนี้ไดอาน่ามีความสุขกว่า แต่เราก็ยังเสียดายอยู่ดี ก็เลยไม่อยากกลับไปอ่านต่อ อาจจะดูไม่ยุติธรรมนักที่เราจะให้คะแนนซีรีส์นี้ เพราะอ่านไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่ยังไงก็ขอให้ระดับความชอบของสองเล่มที่อ่านไปไว้ที่ 7 แล้วกันค่ะ
อันนี้เป็นแฟนวิดที่เราว่าทำดีพอใช้ ทำให้พอเห็นภาพและอารมณ์ของเรื่องนี้ ฉากและเครื่องแต่งกายอาจไม่ตรง เพราะมิกซ์มาจากหนังหลายเรื่องปนกัน แต่ตัวแสดงพอได้ เอมม่า วัตสัน ดูเด็กไปหน่อยสำหรับไดอาน่า แต่ก็โอเคอ่ะค่ะ