คะแนน : 7
ขอเตือนคนที่หลงเข้ามาอ่านหน้าเว็บนี้ว่า ไม่ว่าคุณจะเคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้หรือไม่เคยอ่าน ชอบหรือไม่ชอบเรื่องนี้ ก็อย่าอ่านต่อเลยค่ะ ปิดทิ้งไปเถอะ เพราะโพสต์นี้เราตั้งใจจะบ่น บ่น บ่น ออกแนวพร่ำเพ้อ ไม่มีสาระ ฟังแล้วจะน่ารำคาญมาก
สาเหตุเพราะความเก็บกดจากไอ้เรื่องธรรมดาของเธอกับฉันนี่ล่ะ ในที่สุดวิบูลย์กิจก็ออกมาจนจบเล่ม 21 ได้ การ์ตูนที่ตามอ่านมาเกือบสิบปี (มั้ง) ไม่แน่ใจ เพราะหาวันเดือนปีที่พิมพ์ท้ายเล่มไม่เจอ ช่วง 3-4 ปีหลังมานี้ เป็นช่วงเวลาที่เราได้แต่ความรำคาญใจจากการ์ตูนเรื่องนี้ ออกเล่มใหม่มาทีไร เราก็ได้แต่ตะโกนในใจว่าเมื่อไหร่มันจะจบซะทีเนี่ย ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ เราเซ็งเรื่องนี้ตั้งแต่เล่มกลางๆ ประมาณเล่ม 10 เป็นต้นมา เบื่อ อ่านไปด่าไป แต่ก็ยังตามซื้ออยู่ทุกเล่ม เกลียดตัวเองอยู่เหมือนกัน ตอนเห็นเล่มจบออกมานี่แทบจะเฮ โล่งใจ หมดภาระไปอีกเรื่องแล้ว พอกันกับอินุยาฉะเลย นั่นเราเบื่อตั้งแต่เล่ม 20 กว่า ก็ยังตามซื้อจนจบ 56 เล่ม
พอดีตอนที่ซื้อเรื่องนี้ ที่โชคดีออกพร้อมกันสองเล่มรวด 20-21 จบ อยู่กับเพื่อนพอดี เราก็บ่นยังงี้ให้มันฟัง เพื่อนเรามันก็บอกว่า อ้าว ไม่สนุกแล้วซื้อต่อทำไม
เรา: ช่วยไม่ได้ว่ะแก ชั้นถลำตัวซื้อมาเกินครึ่งเรื่องแล้ว มันต้องซื้อต่อ
มัน: แกต้องรู้จัก cut losses ว่ะ เหมือนเล่นหุ้น กราฟตกดูแล้วไม่ขึ้นแน่ก็ต้องตัดใจขายทิ้งถึงจะขาดทุน
เรา: เออว่ะ แต่เผอิญชั้นไม่ใช่คนที่ตัดใจจากอะไรได้ง่ายๆ มันไม่ใช่นิสัย คิดดู ฉันรักลิเวอร์พูลมาเกิน 20 ปีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ช้ำใจไปไม่รู้เท่าไหร่ ชั้นไม่เคยตัดใจเลิกเชียร์ได้เลย อ้าว แล้วชั้นหลุดพูดถึงเรื่องนี้ตอกย้ำตัวเองขึ้นมาทำไม กลับมาเรื่องเดิมนะ
มัน: อือ (พยักหน้าหงึกๆ ในใจมันคงว่าเราบ้า แต่คบกันนานจนไม่ถือสากันแล้ว)
เรา: เดี๋ยวชั้นจะเอาการ์ตูนเรื่องนี้ไปด่าต่อในบล็อก
มัน: เขียนๆ ไปเนี่ยมีคนเข้ามาอ่านรึเปล่า
เรา: ไม่รู้ว่ะ ไม่สนใจ เขียนให้ตัวเองอ่าน ระบายอารมณ์ สบายใจดี ถ้าเรื่องไหนชอบมาก ความรู้สึกชอบมันท่วมท้นก็อยากเขียนถึง ถ้าไม่ชอบ ได้ด่าไป มันก็ได้มีทางออกไปจากจิตใจ แล้วก็จะได้ลืมๆ มันไป
สำหรับคนที่ยังอุตส่าห์อ่านต่อมาถึงตอนนี้ ไม่รู้เพราะอะไร อาจเป็นเพราะว่า คุณใช้เวลาแค่ 30 วินาที อ่านสิ่งที่เราใช้เวลาเขียน 15 นาที เราก็จะขอเตือนอีกครั้งว่า ต่อจากนี้จะเริ่มเข้าเรื่อง พร้อมสปอยล์แหลกราญ ตั้งแต่ต้นจนจบ ขี้เกียจแปะโค้ดปิดสปอยล์แล้ว เตือนแล้วนะ
เรื่องธรรมดาของเธอกับฉัน มาจากการ์ตูนผู้หญิงในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Kareshi Kanojo No Jijo แปลญี่ปุ่นตรงตัวว่า สถานการณ์ของแฟนหนุ่มกับแฟนสาว หรือ His and Her Circumstance ในเวอร์ชันที่ถูกซื้อไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ อันนี้ต้องชม VBK ว่า ถอดชื่อเป็นภาษาไทยได้ดีมาก (ดีกว่าเนชั่นเยอะ อย่าง "นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ" หรือ "วัยกระเตาะ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง" เนี่ย ทุเรศมาก ตั้งมาได้ไงไม่รู้ ถ้าคนไม่บอกว่าสนุกคงไม่ซื้อแล้ว) เรื่องนี้ที่ปกติเมืองนอกเรียกสั้นๆ กันว่า Kare Kano เป็นมังงะที่ดังจนถูกเอามาสร้างเป็นอนิเมะ โดย Gainax (บริษัทที่สร้าง Evangelion เออ แต่อย่าเอ่ยถึงเรื่องนั้นดีกว่า เดี๋ยวจะบ่นยาวกว่านี้) เราสนใจการ์ตูนเรื่องนี้เพราะได้ยินชื่อเสียงว่ามันดัง นอกจากเอเชียกับอเมริกาแล้ว ยังแพร่ไปถึงยุโรป แล้วปกติเรื่องที่ถูกเอามาสร้างอนิเมะก็มักจะมีดีอยู่จริงๆ พอภาษาไทยออกก็ไม่รอช้า ซื้อทันที โดยไม่ได้ทดลองเช่าอ่านดูก่อน โอ้ แล้วแค่อ่านเล่มแรก เราก็สัมผัสได้ทันทีถึงสาเหตุที่มันดัง
เรื่องธรรมดาของเธอกับฉัน เป็นเรื่องราวของนักเรียน ม.ปลาย วัยรุ่นธรรมดา ไม่มีเวทมนตร์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใดๆ ทั้งสิ้น ตัวเอกของเรื่องคือ มิยาซาวะ ยูกิโนะ ที่มีภาพของนักเรียนดีเด่น เรียนเก่ง นิสัยดี รสนิยมสูง แต่ตัวจริงของเธอเป็นผู้หญิงเสแสร้ง อยากเด่นอยากดัง ออกจะโก๊ะ ติงต๊อง อยู่บ้านเป็นยายเพิ้งท่องตำราแทบตาย เพื่อจะได้ผลการเรียนอันดับหนึ่ง เพื่อที่คนอื่นจะได้ชื่นชม บอกใครๆ ว่าชอบฟังเพลงคลาสสิค ทั้งที่ความจริงชอบลูกทุ่ง ช่วยเหลือติวหนังสือให้เพื่อนตลอด เพราะจะได้ชื่อว่า ทั้งเก่งทั้งดี ไม่หยิ่ง สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง แต่แล้วเธอก็ได้พบกับ อาริมะ โซอิจิโร่ เด็กหนุ่มรูปหล่อ หัวดี กีฬาเลิศ ลูกชาย ผอ. โรงพยาบาลใหญ่ ตอนแรก ยูกิโนะมองอาริมะเป็นคู่แข่ง วันหนึ่งอาริมะมาที่บ้าน จึงรู้ความลับของยูกิโนะ เขาจึงบังคับให้เธอเป็นทาสให้ช่วยทำการบ้านให้ ทั้งสองจึงได้ใกล้ชิดกันและเห็นตัวตนภายในของกันและกันมากขึ้น ในที่สุดทั้งสองก็เริ่มคบกันเป็นแฟนจริงๆ
ในเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดาไม่มีอะไร กลับเต็มไปด้วยสิ่งที่ดึงดูดใจนักอ่าน การบรรยายความรู้สึกลึกๆ ของตัวละคร มันก็แทบพาคุณลงถึงก้นบึ้งหัวใจ บทสนทนาที่เฉียบคม อ่านไปๆ มันก็จะมีถ้อยคำที่พุ่งมาโดนกลางใจเลย อย่างตอนที่ยูกิโนะไม่กล้าตอบรับความรู้สึกของอาริมะในตอนแรก เพราะกลัวใจกับความผิดหวัง หลังสับสนมานาน แต่พอถึงฉากที่เธอตัดสินใจว่า เธอจะคบกับอาริมะล่ะ เธอคิดว่า "ยังไงอนาคตถ้ามันอาจจะต้องเจ็บ ก็ขอให้อาริมะเป็นคู่กรณีคนแรกแล้วกัน" กับภาพประกอบตอนที่เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมืออาริมะ ว้าวเลย แล้วตอนที่ทั้งสองถูกอาจารย์เชิญผู้ปกครองมาพบ เพราะมีแฟนแล้วคะแนนตก พ่อแม่นางเอกจ๊าบมาก พ่อของยูกิโนะก็บอกประมาณว่า "ผมไม่บงการลูกหรอกครับ อนาคตที่มันต้องใช้ผลการเรียนดีมันก็อีกเรื่อง แต่เวลาที่ใช้กับคนที่คบตอน ม.ปลาย มีค่ากว่าคนที่คบในอนาคตนะครับ" เล่าแบบนี้มันไม่เห็นภาพมันฟังธรรมดา แต่ถ้าอ่านเอง มันจะโดนมากเลย
หลังจาก 3-4 เล่มไป เนื้อเรื่องของเธอกับเขาก็เริ่มอยู่ตัวล่ะ ก็เริ่มขยายขอบเขตมีเพื่อนของเธอ เพื่อนของเขา เข้ามาวนเวียนเกี่ยวพันกับพระเอกนางเอกมากขึ้น ตัวละครเพื่อนทั้งหลายที่เข้ามาช่วงแรกๆ นี่แต่ละคนก็บุคลิกโดดเด่นสีสันจัดจ้านทั้งนั้น เหล่านักเรียนพรสวรรค์มารวมตัวกัน ก็ทำให้ชีวิตพระเอกนางเอกมีเรื่องราวน่าสนใจน่าติดตามอยู่ตลอด แต่แล้วจุดเปลี่ยนของความรู้สึกที่เรามีต่อเรื่องนี้ก็มาถึง ช่วงกลางๆ ซีรีส์ เล่มที่โดดไปกล่าวถึงเรื่องราวชีวิตและความหลังของเพื่อนแต่ละคนที่โผล่เข้ามา มันเบี่ยงเบนโฟกัสของเรื่องออกไปเลยนะ เราก็เริ่มตงิดๆ ในใจ อะไรวะ เพื่อนแต่ละคนนี่แทบจะได้บทคนละเล่ม เราเข้าใจว่า ผู้แต่งต้องการให้ตัวละครของเธอมีชีวิต เพื่อนไม่ใช่แค่ตัวประกอบ แต่ตัวละครในเรื่องทุกคนต่างมีชีวิตจริงของตัวเอง และได้มาอยู่รวมกันในเรื่อง แต่มันไม่ไหวนะ โคตรยืด เนื้อเรื่องหลักมันไม่ไปไหนเลย กลุ่มเพื่อนมันเริ่มมีคนเยอะมากไป และด้วยลายเส้นจืดๆ ของสึดะ มาซามิ นี่ เพื่อนบางคนหน้าตาเหมือนกันมาก จนเราแทบแยกไม่ออกเลยนะ ถ้าไม่เรียกชื่อกันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว
พอหมดเรื่องเพื่อน กลับมาเป็นเรื่องของพระเอกนางเอกบ้าง นึกว่าจะค่อยยังชั่ว โอ้ พระเจ้าช่วย อาริมะ โซอิจิโร่ ผู้เคยสมบูรณ์แบบ ถึงที่ผ่านมาจะมีเนื้อเรื่องบอกแล้วว่า เขามีอดีตลึกๆ ซ่อนอยู่ เพราะเขาไม่ใช่ลูกจริงๆ ของพ่อแม่ที่เลี้ยงมานี้ก็เถอะ แต่แกช่างจมดิ่งลงสู่ด้านมืดได้อย่างงี่เง่าเหลือเกิน มีแม่แท้ๆ ที่ทารุณกรรมเขาตอนเป็นเด็กเล็กๆ แล้วไง มีพ่อแท้ๆ ที่เห็นว่าเขาเป็นความผิดพลาดที่เกิดมาแล้วไง ไม่ไหว เราไม่ได้บอกว่า เขาไม่ควรเจ็บปวด เข้าใจว่าบาดแผลทางใจมันก็อาจฝังลึก แต่เรารับไม่ได้ที่แกเล่นพร่ำเพ้องี่เง่าบ้าบอคอแตกอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ชีวิตปัจจุบันที่มีพ่อแม่บุญธรรมสุดแสนจะประเสริฐ มีคนรักที่ดีพร้อม คุณสมบัติส่วนตัวก็เลอเลิศทุกอย่าง แล้วจะทำตัวมีปัญหาทำไม จะอะไรนักหนาวะ wth!! แต่ละเล่มไอ้หมอนี่ก็จะใช้เวลา 50 หน้า รำพันกับตัวเองว่า ไม่มีความสุข ไม่มีใครเข้าใจ เห็นคนอื่นมีความสุขก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้ง ไม่มีใครเห็นแผลใจแกเลย ขอโทษว่ะ ฉันยังไม่เคยอ่านข่าวเจอว่า แกนกลางของโลกหมุนตามใคร เคยมองคนอื่นที่เขาไม่มี เขาตกทุกข์ได้ยากจริงบ้างมั้ย บางทีการเข้าไปสำรวจจิตใจตัวเองลึกๆ มันก็ดี แต่ถ้าจมลึกหายลงไปเลยจนมองข้างนอกไม่เห็นก็เกินไป
แล้วโดยเฉพาะ พ่อแท้ๆ ของโซอิจิโร่ คือ เรย์จิ นี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราโคตรเกลียดเรื่องปัญหาชีวิตของตระกูลอาริมะ ช่วงนี้มีแต่ตัวละครพร่ำเพ้อ เนื้อเรื่องเล่าอดีตความหลังถึงรุ่นพ่อรุ่นปู่ เจ็บปวดมาจากเรื่องพ่อแม่ของแต่ละคนยังไง ชีวิตก็เลยบัดซบต่อกันมาเป็นทอดๆ บ้าป่าว ตัวเองจิตใจอ่อนแอเอง แล้วทำไมต้องหาเหตุผลโทษว่า เป็นเพราะชีวิตฉันมีอดีตที่มีปัญหาล่ะ คือ ถ้าชีวิตปัจจุบันของพวกนี้มีปัญหาจริงเราจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่เรย์จินี่พี่ชายพูดผิดหูคำเดียว ทำตัวเตลิดเปิดเปิง ปัญญาอ่อน แล้วผู้แต่งคงจะกลัวเราลืมว่า ที่อ่านอยู่นี่เป็นการ์ตูนนะ คนโรคจิตแบบนี้ในชีวิตจริงมันน่าจะกลายเป็นไอ้ขี้ยา ตายเพราะเสพยาเกินขนาด แต่ไอ้เจ้านี่ดันหนีหายไป กลับมากลายเป็นนักเปียโนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก เพราะ DNA อันเลอเลิศในตัว แกทำตัวงี่เง่าแค่ไหนก็ได้ แต่ฟ้าประทานความสามารถให้ซะอย่างจะทำไม
โอย เราอ่านไปๆ ก็เบื่อเต็มทีแล้ว รู้สึกตลอดว่า เมื่อไหร่มันจะจบสักทีเนี่ย ที่ญี่ปุ่นมันออกจบตั้งนานแล้ว เราหาอ่านเรื่องย่อสปอยล์มาหมดแล้ว ส่วนหนึ่งต้องโทษ VBK ด้วย ที่ทิ้งช่วงนานมาก เล่มใหม่ออกแต่ละที มันก็จมอยู่กับอารมณ์ด้านมืดของตัวละครอยู่อย่างนี้ เนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไรไม่ขยับไปไหนเลยนะ ยูกิโนะรู้ตัวว่าท้องมานานกี่เล่มแล้ว ไม่กล้าบอกโซอิจิโร่อยู่ตั้งนาน คนอ่านก็รอไปเถอะว่าเมื่อไหร่จะบอก เนื้อเรื่องจะได้ไปต่อ อย่างนี้เมื่อไหร่จะจบ จริงๆ ถ้าได้อ่านต่อเนื่องเราคงไม่รู้สึกแย่กับเรื่องนี้เท่านี้ เพราะคงไม่ต้องเสียเวลา 3-4 ปีรอว่า เมื่อไหร่ตัวละครจะเลิกบ้า แล้วเห็นมั้ย พอถึงเล่ม 20-21 เรื่องก็สรุปลงเอยง่ายๆ มากเลย แค่เขี่ยเสี้ยนกลางใจออกไปได้ เรื่องก็จบ ชีวิตก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พ่อแม่ดันดีใจซะอีกที่ลูกท้องก่อนแต่ง cool กันจริงๆ
เล่ม 21 นี่มีฉากที่คนเขียนแกล้งคนอ่านด้วย กล่าวถึงอนาคต 16 ปีผ่านไป หน้าแรกตอนอ่านนี่หลุดปากเลย เฮ้ย เอาจริงดิ ลืมตัวไปว่า ที่อ่านสปอยล์มามันไม่ใช่ยังงี้ แต่ถ้าเรื่องมันจบแบบนั้นจริงนี่ อาจมีรายการยกหนังสือการ์ตูนทั้งตั้งไปเผาทิ้งแน่ (พูดเล่นน่า ความคิดพาไปแต่คงไม่ทำจริงหรอก) อ่านจบหน้าสุดท้ายไป ความรู้สึกเดียวที่แจ่มชัดในใจเรามีแค่ความโล่งใจ หมดเวรหมดกรรมกับมันซะที น่าเสียดายมากเลย ที่อารมณ์ความรู้สึกที่เหลือค้างอยู่ในใจของเราที่มีต่อเรื่องนี้ มันก็คงจะถูกจำในแง่ลบอย่างนี้ไปตลอด ยังไงคิดถึงความดีช่วงแรกให้คะแนนที่ 7 แล้วกัน
และถ้าใครที่ดื้ออ่านมาถึงย่อหน้านี้ ก็คงต้องบอกอีกทีว่า ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของเรา ไม่จำเป็นต้องตรงกับใคร เรารู้ว่ามีคนที่ชอบเรื่องนี้มากอยู่ ประเด็นที่เราไม่ชอบ มันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณชอบก็ได้ หรือถ้าคุณกำลังสนใจอยากหาเรื่องนี้อ่าน ถ้ามาเจอโพสต์นี้ก็อย่าทำให้มันเป็นเหตุผลที่หยุดคุณ คุณอ่านเองก็อาจจะชอบมันมากก็ได้ เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนรักแรง เกลียดแรง แต่ในบล็อกตัวเองเราถือเป็นพื้นที่ของเราขอพูดอะไรตามใจแล้วกัน ถ้าเป็นที่บอร์ดสาธารณะก็คงไม่กล้าเขียนอะไรตรงแบบนี้ เกรงใจคนที่เขาอาจจะชอบ เข้าใจกันนะคะ
Update
หลังจากอ่านเรื่อง Room ทำให้เราเริ่มคิดว่าเราอาจจะออกอาการเกินกว่าเหตุกับอาริมะ วัยเด็กที่ผิดเพี้ยนทำให้เขาโตมามีปัญหา นึกถึงการทดลองที่แยกลูกลิงจากอกแม่ ลิงตัวนั้นจะโตขึ้นผิดปกติ พอเอากลับมาอยู่กับลิงตัวอื่นพฤติกรรมก็ผิดเพี้ยนหมด ชีวิตวัยเด็กของอาริมะที่ขาดความรักความอบอุ่น ถูกแม่ทุบตีทำร้าย ส่งผลกระทบใหญ่หลวงจนถึงตอนโต เอางี้ เราจะพยายามเข้าใจเหตุผลของตัวละคร แต่ก็ขอเปลี่ยนเป็นบ่นคนเขียนแทนแล้วกันว่า ไอเดียดีแต่นำเสนอไม่ดี เพราะทำให้เราเชื่อและยอมรับในการกระทำของตัวละคร จากการอ่านแค่เฉพาะในเรื่องเองไม่ได้ ประเด็นที่น่่าจะทำให้สงสารเห็นใจ ทำไมมันอ่านแล้วกลายเป็นเบื่อหน่ายรำคาญได้ก็ไม่รู้
1 ความคิดเห็น:
เล่มที่ต่อจาก อนิเมะ คือเล่มที่เท่าใรคะ
แสดงความคิดเห็น