นี่เป็นนิยายเก่า พิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่นำนิยายคลาสสิคเรื่อง The Phantom of the Opera มาเขียนใหม่ โดยเปลี่ยนจากเรื่องแนวลึกลับของต้นฉบับ มาเป็นการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นมาทั้งหมดของแฟนท่อมให้พวกเรารู้จักกันแทน แม้ปิศาจแห่งโรงอุปรากรผู้นี้จะโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จากหนังสือ ละครเพลง และภาพยนตร์หลายเวอร์ชัน แต่เรากลับไม่ค่อยรู้จักตัวตนลึกๆ ของเขาเท่าไหร่ ในนิยายเล่มนี้ ซูซาน เคย์ นำประวัติความเป็นมาของแฟนท่อมที่มีบอกไว้คร่าวๆ ในช่วงท้ายของนิยายต้นฉบับ มาขยายความเขียนเล่าให้ความสำคัญกับแฟนท่อมเป็นพระเอกเต็มตัว และพาเราไปรู้จักกับอีกด้านหนึ่งของเอริก บุรุษอัปลักษณ์ที่ต้องซ่อนใบหน้าภายใต้หน้ากาก ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืด ณ ใต้ดินโรงละครโอเปร่าแห่งปารีส
บทแรกเป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของแมเดอเลน แม่ผู้ให้กำเนิดทารกทุรลักษณ์ที่มีใบหน้าเหมือนกะโหลกคนตาย นิยายสนุกและดึงความสนใจของเราได้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ความรู้สึกแรกเมื่อแม่เห็นลูกชาย สับสนผิดหวังเสียใจรังเกียจ บรรยายได้ชัดเจนสุดๆ เราได้เห็นชีวิตวัยเด็กของเอริกตั้งแต่เกิด จนค่อยๆ โต ได้เห็นความพิเศษของเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก แม้จะต้องสาปทางรูปกาย แต่ฟ้าประทานพรสวรรค์ให้เอริก ทั้งด้านวิทยาการและศิลปะ เพียงไม่กี่ขวบ อัจฉริยะด้านดนตรีและสถาปนิกของเขาก็แสดงออกโดดเด่นเห็นชัด แต่เอริกก็ยังเป็นเพียงเด็กชายเล็กๆ ผู้โหยหาความรักของแม่ ตอนอ่านฉากที่เอริกวัย 5 ขวบ ขอของขวัญวันเกิดจากแม่เกือบทำเอาเราน้ำตาซึม
นับแต่นั้นมา หัวใจเราก็ตามไปอยู่กับเด็กชายผู้น่าสงสารคนนี้ ผู้แต่งเล่าเรื่องราวชีวิตวัยเด็กของเอริกได้ดีมากเลย เหตุการณ์วัยเยาว์ของเขาเป็นพื้นฐานที่ทำให้เอริกกลายเป็นเช่นนั้นในอนาคต เมื่อเขาหนีออกจากบ้านเมื่อตอนอายุ 9 ปี ช่วงเวลาที่ไปอยู่ในแคมป์ยิปซี แม้จะเป็นบทสั้นๆ ไม่ยาว แต่ก็เป็นประสบการณ์สำคัญในชีวิตเอริกอีกเช่นกัน
และช่วงเวลาที่จะเป็นช่วงหล่อหลอมตัวตนของเอริกก็มาถึงอีกครั้ง เมื่อเขาได้พบกับโจวานนี่ ถ้าจิตใจของเอริกถูกทำลายครั้งแรกจากความชิงชังของแมเดอเลนผู้เป็นแม่ เขาก็ถูกทำลายครั้งที่สองด้วยความรักและเมตตาของโจวานนี่ ผู้เปรียบเสมือนพ่อบุญธรรม ด้วยความรู้เท่าไม่ถึง การขอให้ถอดหน้ากากกลับทำให้เอริกรู้สึกเหมือนถูกทรยศ จากนั้น เขาก็สูญสิ้นศรัทธาในความรักและความดีทั้งมวล
ช่วงเวลาที่เอริกไปอยู่ที่เปอร์เซียก็แต่งได้ดีน่าติดตามมากๆ เช่นกัน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นช่วงที่ทำให้เราเห็นรายละเอียดและที่มาที่ไปของสายสัมพันธ์ประหลาดระหว่างเอริกกับนาเดียร์ ชายชาวเปอร์เซียน สิ่งที่เราประทับใจในช่วงนี้คือ ประโยคที่แสดงความรู้สึกนึกคิดภายในของเอริกออกมา
"This face, which has denied me all human rights, also frees me of all obligation to the human race,"
หลังจากออกจากเปอร์เซีย ก็นำชีวิตเอริกกลับมาฝรั่งเศสอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็พบกับสิ่งดึงดูดใจ เอริกใช้เวลานับสิบปีหมกมุ่นอยู่กับการสร้างโรงละครโอเปร่า และได้แอบสร้างที่อยู่และทางลับใต้ดิน จนในที่สุด The Opera Ghost ก็ถือกำเนิดขึ้นที่นี่เอง
จนผ่านมาถึง 2/3 ของเรื่อง ในบทที่ 6 นี้เอง คือเรื่องราวของเอริกกับคริสตีน ใจความตอนนี้แหละที่เราคุ้นเคยกันดีจากละครและภาพยนตร์ ถูกนำมาเล่าใหม่ในมุมมองของเอริกสลับกับคริสตีน และแล้วหลังจากที่คิดว่า ผู้แต่งถ่ายทอดเรื่องราวของแฟนท่อมเวอร์ชันนี้ได้ดีมาตลอด เราก็เริ่มรู้สึกว่า นิยายเรื่องนี้ดร็อปลง ที่ผ่านมาผู้แต่งมีอิสระถ่ายทอดจินตนาการของตัวเองได้เต็มที่ เนื้อเรื่องมันก็ลื่นไหลดี แต่พอเข้าช่วงนี้มันมีเนื้อเรื่องบังคับอยู่แล้ว เราว่า ความรู้สึกมันขัดแย้งกัน
เคย์พยายามขับเน้นเรื่องความรักของเอริกและคริสตีนในเรื่อง ซึ่งเราว่าอารมณ์มันไม่ได้ เราไม่เชื่อว่าเอริกรักจริง ความรู้สึกของเขาเหมือนเป็นแค่ความคลั่งไคล้ใหลหลง บวกกับพลังผลักดันด้านมืดในใจ ถ้าเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าความรัก คงทำให้ความหมายของคำนี้ด้อยค่าลง ในขณะที่ความรู้สึกของคริสตีนก็ไม่เป็นธรรมชาติสักนิด ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้หลักๆ อาจจะดูเหมือนเรื่องในต้นฉบับ แต่พอตีความใหม่ เหมือนมันเป็นคนละเรื่องกันเลย ใจหนึ่งเราก็นับถือความกล้าหาญของผู้แต่งนะ ที่กล้าเล่าใหม่ในแบบของตัว แต่เราก็คิดว่ามันแปลกๆ อยู่ดี ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เปลี่ยนแล้วไม่ดีกว่าจะเปลี่ยนเรื่องทำไม ความหาญกล้าก็อาจจะดูล้ำเส้นเป็นความเหิมเกริม
และมาถึงบทสรุปสุดท้าย ถูกเล่าเรื่องผ่านมุมมองของราอูล คู่หมั้นหนุ่มผู้รักคริสตีน เป็นเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 16 ปี แม้จะสั้นๆ ไม่ถึง 1/10 ของเรื่องแล้ว แต่บทนี้ทำความรู้สึกเราดิ่งวูบลงเลย ตอนที่อ่านเรื่องนี้ถึงกลางเล่ม เราประทับใจและชื่นชมนิยายเล่มนี้มากๆ คิดว่า พออ่านจบมีโอกาสที่อาจจะให้คะแนนความชอบถึง 9 เลย ถ้าที่ผ่านมาบทของเอริกทำให้เรารักเรื่องนี้ บทของคริสตีนในตอนจบสุดท้ายก็ทำลายความรู้สึกนั้น เราว่า เรื่องนี้จะจบได้แกรนด์โคตรๆ ถ้าจบด้วยโศกนาฏกรรมของเอริก ความคับแค้นความผิดหวัง และการยอมปลดปล่อยคริสตีนออกจากความรู้สึกอันเห็นแก่ตัวของเขา ควรจะถูกถ่ายทอดมาได้กินใจสุดๆ แต่ขอโทษเถอะ พอเปลี่ยนเรื่องให้เป็นอย่างนี้ ไม่ไหวค่ะ รับไม่ค่อยได้ เรื่องเสียหมดเลย
ประเด็นเรื่องการนอกใจเป็นประเด็นที่เราถือสามาก ถ้าคุณคิดว่าตัวเองรักคนหนึ่ง แล้วจะยอมไปแต่งงานกับอีกคนทำไม ไม่ว่าชู้ทางใจ ชู้ทางกาย รับไม่ได้ทั้งนั้น ภาษาไทยใช้คำว่านอกใจ ฟังดูเป็นเรื่องของหัวใจดีนะ แต่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า cheat คุณโกง คุณไม่ซื่อ
ดีที่มันประเด็นเดียว และคริสตีนไม่ใช่หัวใจสำคัญของเรื่อง แต่ถ้าบทสุดท้ายยาวกว่านี้อีกหน่อย มันอาจลากความรู้สึกเราลงไปถึงระดับ 7 ได้ ลองไปอ่านความรู้สึกคนรีวิว Amazon เฉลี่ยนี่ได้ 5 ดาว แต่เราชอบที่พวกที่ให้ 1 ดาวบางคนเขียน ถึงจะไม่รู้สึกแรงเท่านั้น เพราะช่วงแรกมีความดีอยู่เยอะ แต่เราเข้าใจอารมณ์เขามากเลย การนอกใจมันไม่น่าใช่ความโรแมนติก ความรักไม่ใช่ข้ออ้างของการทำอะไรก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น