วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

Xenocide & Children of the Mind - Orson Scott Card

ไหนๆ อ่านมาแล้วครึ่งทาง อ่านชุด Ender ให้จบ 4 เล่มก่อน แล้วเล่มที่เหลือในชุด Shadow ค่อยคิดอีกที

Xenocide (Ender Series #3)
คะแนน : 7

Xenocide จับใจความต่อเนื่องจาก Speaker for the Dead ปมปัญหาจากเล่มก่อนนำมาสู่เล่มนี้ คือกองยานที่สภาดาราจักรส่งมาเพื่อทำลายดาว กำลังเดินทางใกล้มาถึงแล้ว เอนเดอร์ซึ่งรั้งอยู่ที่ดาวลูซิตาเนียก็แก่ไปอีก 30 ปี กลายเป็นชายสูงอายุ วาเลนไทน์เดินทางมาหาเขา และพวกเขาทั้งหมดต้องหาหนทางรับมือ ทั้งกับกองยานและความลึกลับของไวรัสเดสโคลาดา เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์พิกกี้ บั๊กเกอร์ เจน และมนุษย์ทุกคนบนดาวลูซิตาเนีย ในเล่มนี้มีการแนะนำตัวละครที่มีบทบาทสำคัญอยู่บนดาวใหม่ชื่อ Path (เต๋า) เป็นดาวคนจีน ที่ได้รับมอบหน้าที่จากสภาดาราให้สืบหาความลึกลับการหายไปของกองยาน

ก่อนอ่านพยายามวางอุเบกขาเต็มที่แล้วนะ เออ จะนำเสนอไอเดียอะไรก็ว่ามา แต่พออ่านจริงๆ ก็ยังรู้สึกเหนื่อยใจอยู่ดี ที่จริงแล้วนิยายเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องที่สนุกและแหวกแนวดีนะ แต่สไตล์การเขียนมันเยิ่นเย้อยืดยาดมากเลย เวลาตัวละครคุยกัน พูดแค่ประโยคสองประโยคก็น่าจะรู้เรื่องได้ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก เพราะ OSC ต้องเขียนให้มันวกวนวุ่นวายไปครึ่งหน้า ต้องพยายามพูดให้มันแฝงนัยไปซะทุกคำ ยอมรับตรงๆ ว่า เราด้อยปัญญาเกินจะเข้าใจ ขี้เกียจตีความ ถ้าเราอยากอ่านเพื่อหาสัจธรรม ก็คงไม่เลือกเล่มนี้หรอก

แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ผสมปรัชญาในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่แค่หลุดโลก เพราะมันหลุดจักรวาล สร้างยานอวกาศที่เร็วเหนือแสงได้สำเร็จ หลุดไป Outside แล้วมีคนตัวเป็นๆ กระโดดออกมาจากความคิดในสมองได้อีก เหอเหอ จินตนาการช่างล้ำลึกเหนือระดับสามัญสำนึก คิดได้ไงฟะ การเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของมนุษย์กับเอเลี่ยนแต่ละพันธุ์ มันเลื่อนลอยและไปไกลเหลือเกิน มองให้เชื่อมกับคนเรายาก

ตัวละครในเรื่องนี้ทุกคนเป็นพวกอัจฉริยะผสมวิกลจริต ไม่มีใครปรกติสักคน ขอเอ่ยชื่อเป็นพิเศษหนึ่งคน โนวีนญ่าเป็นผู้หญิงโรคจิตชัดๆ เธอไม่ใช่คนไม่ดี แต่มีจิตใจที่บิดเบี้ยวผกผันสุดทานทน เป็นผู้หญิงที่ไร้ความสุขขนาดที่ว่า ตัวเองแย่ไม่พอ ยังทำตัวเหมือนพืชติดโรค แพร่เชื้อลุกลามกัดกินทุกคนรอบตัวเธอไปด้วย ทำให้เรารู้สึกอยากอยู่ห่างจากผู้หญิงคนนี้ให้ไกลที่สุด ตัวละครอื่นๆ ก็ไม่มีใครเป็นมนุษย์ที่มีสภาพจิตสมบูรณ์สักคน จิตตกมากบ้างน้อยบ้างเป็นคนๆ แค่เดินหนึ่งก้าวคิดไกลไปหนึ่งปีแสง แต่ถ้ายืนหรือนั่งเฉยๆ จะคิดไปอีกสิบปีแสง ฉันจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ดีมั้ยนะ นี่ตัวฉันรึเปล่า รักหรือไม่รักดี รักแล้วมันผิดมั้ย ความรู้สึกที่น่าจะง่ายๆ แบบความรักพี่น้องยังต้องคิดละอายว่ามันจะทำให้ใครหึงหวงมั้ยเลย หรือจะโกรธ จะเสียใจ ก็ยังต้องคิดอีก อ่านแล้วก็จะประสาทกินตาม ตัวละครที่ดูดีที่สุดในเรื่องคือ เจน ก็ดันไม่ใช่มนุษย์ซะอีก

ถ้าอนาคตข้างหน้ามีเอเลี่ยนมาถึงโลกจริง และหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านเพื่อศึกษาทำความเข้าใจกับมนุษย์โลก ภาพที่พวกเขาจะได้รับรู้ก็คือ ธรรมชาติของมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยมีความสุข สกปรก น่ารังเกียจ ฟุ้งซ่าน ย้ำคิดย้ำทำ รู้สึกผิดบาปในทุกการกระทำ สงสัยและไม่แน่ใจถึงคุณค่าการมีชีวิตอยู่ของตนเอง โอ้ อนิจจา มนุษย์ต่างดาวผู้น่าสงสาร ถ้ามีโอกาสเราอยากบอกพวกเขาผู้มาเยือนว่า ท่านเข้าใจผิดถนัดแล้ว มนุษย์อาจมีแง่มุมเหล่านั้น แต่ในทั้งหมดของความเป็นมนุษย์นั้น หลากหลายกว่าที่ท่านเห็นในหนังสือเล่มนี้มาก

ย้ำอีกครั้งว่า เนื้อเรื่องสนุก ถ้าชอบหรือสามารถอดทนกับคำบรรยายเยอะๆ ศัพท์แปลกๆ อย่างเช่น Aiùa ได้ เพราะมีศัพท์พวกนี้เยอะมาก มันก็ถือว่าเป็นหนังสือน่าอ่านนะ เพียงแต่มันไม่ใช่แบบที่เราชอบเท่านั้นเอง


Children of the Mind (Ender Series #4)
คะแนน : 7


ฉบับภาษาไทยของเล่มนี้ตั้งชื่อเรื่องเพราะมากเลย "จิตาวตาร" ในคำนำบอกว่า ตอนแรก OSC ทำสัญญาไว้เป็นไตรภาค แต่ดันเขียน Xenocide ยาวมาก มีรายละเอียดเยอะ จนต้องแยกออกมาอีกเล่ม เนื้อหาสองเล่มนี้จึงต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน อันที่จริงถ้าลดน้ำๆ ลง ก็น่าจะรวบเป็นเล่มเดียวกันได้ไม่เห็นต้องแยก

เล่มนี้บทบาทของเอนเดอร์น้อยลงไปกว่าเล่มที่แล้วอีก เรื่องเน้นที่ตัวละครจิตาวตารสองคนนั้นแหละ คนหนึ่งจับคู่กับมีโร่กระโดดข้ามใน-นอกจักรวาลไป-มา หาดาวอาณานิคมเพื่ออพยพ กับตามล่าต้นตอไวรัส อีกคนจับคู่กับซีหวางหมู่ เราชอบคู่นี้ เดินทางไปตามดาว เพื่อตามหาผู้มีอำนาจจะเปลี่ยนความตั้งใจของสภาดาราจักร มีการเดินทางมาดาว Divine Wind คำแปลของกามิกาเซ่ เป็นดาวญี่ปุ่น ถึงแม้ OSC จะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับจีนและญี่ปุ่น แต่ก็เห็นชัดว่ายังขาดความเข้าใจถึงวัฒนธรรมตะวันออก ดูง่ายๆ แค่เรื่องชื่อนี่แหละ คงไม่มีคนจีนที่ไหนตั้งชื่อลูกว่า "หวางหมู่" แปลว่า "เจ้าแม่" หรอก ผู้แต่งรู้คำแปลทุกคำ ย้ำความหมายหลายครั้ง แต่การเอาชื่อเทพหรือบุคคลยิ่งใหญ่ในอดีตมาตั้งชื่อ มันเป็นวิธีคิดแบบตะวันตกมาก แล้วมีสาวใช้ชื่อ "เคนจิ" อีก มันชื่อผู้ชายชัดๆ นะ

เล่มนี้พล็อตหลักไม่มีอะไรมาก เนื้อหาหลักส่วนใหญ่มันอยู่ในเล่มที่แล้ว แต่เล่มนี้มันจะเป็นบทสรุปเรื่องราวของเอนเดอร์ซีรีส์ ตอนท้ายไอเดียบรรเจิดเข้าไปอีก อ่านแล้วโคตรงงเลย คนนี้ย้ายวิญญาณไปเข้าร่างนั้น คนนั้นย้ายวิญญาณไปเข้าร่างโน้น ประมาณว่า อ่านในเล่มแล้วต้องออกมาอ่านสรุปเรื่องย่อในเว็บถึงจะรู้เรื่อง ในคำตามท้ายเล่ม OSC บอกว่า เขานับถือนิกายมอร์มอน อืมม์ หนังสือเรื่องนี้ก็เลยออกมาแนวนี้ใช่มั้ย

สรุปทั้งซีรีส์เอนเดอร์ ชอบเล่มแรกเล่มเดียว และมันก็ไม่เหมือนเล่มอื่นๆ เลย ดาวของ Amazon ก็ฟ้องนะ สองเล่มหลังดาวลด คนรีวิวน้อยลงเยอะ เหลือแต่พวกแฟนฮาร์ดคอร์ แต่เดี๋ยวจะลองซื้อภาษาไทย "เกมพลิกโลก" มาอ่านซะหน่อย ส่วนเล่มที่เหลือสงสัยจะบาย เออ แต่ความจริงก็อยากรู้ว่า ดร. ยรรยง เต็งอำนวย แปลพวกศัพท์ประหลาดๆ ว่าอะไรเหมือนกันนะ

1 ความคิดเห็น:

bluejazz7 กล่าวว่า...

สองเล่มนี้มีเวอร์ชั่นไทยอยู่ค่ะ แต่ก็ขี้เกียจอ่านจนอ่านไม่จบด้วยซ้ำ แรกๆ ที่อ่านเพราะชอบเอนเดอร์ แต่ทั้งสองเล่มนี้มันเกี่ยวกับเอนเดอร์น้อยมากๆ แล้วอ่านไปก็ไม่ชอบพอที่จะติดตามชีวิตของตัวละครตัวไหนเลย กำลังเตรียมโละหนังสือขายเร็วๆ นี้แล้วล่ะค่ะ ปล.ปรัชญาในซีรีส์เรื่องนี้มันเข้าใจยากซะไม่อยากจะทำความเข้าใจเลย นับถือคนแต่งจริงๆ แต่งได้ล้ำลึกซ้า....

แสดงความคิดเห็น