นี่เป็นนิยายเล่มที่ 5 ในซีรีส์ Drakon ของ Shana Abe เรื่องราวของเผ่าดราคอนหรือมนุษย์มังกร เผ่ามนุษย์ที่สามารถแปลงเป็นมังกรได้ หรือที่ถูกคือ เดิมสายเลือดเป็นมังกร แต่เพื่อหลบซ่อนตัวจึงแปลงอยู่ในร่างมนุษย์ แล้วสืบทอดลูกหลานมา อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลในอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 18 ตามปกติทุกคนในเผ่าใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่สายเลือดเจือจางลงจนแทบไม่มีใครแปลงร่างได้ หมู่บ้านถูกปกครองอยู่ใต้กฎระเบียบเคร่งครัดของสภา ในการนำของอัลฟ่าซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำของเผ่า ซึ่งมีตำแหน่งขุนนางของมนุษย์เป็นมาร์ควิสเพื่อบังหน้าด้วย
หลังจากผิดหวังกับเล่ม 4 คือ The Treasure Keeper (อ่านความรู้สึกของเราที่มีต่อเล่มนั้นได้ที่นี่) มาเล่มนี้เราก็เลยไม่คาดหวังอะไรมาก แต่เราก็หยิบมาอ่านหลังหนังสือออกไม่นาน เพราะเรารู้สึกว่า พล็อตเรื่องน่าสนใจกว่าเล่มที่แล้ว และติดใจตรงประเด็นของตัวร้ายที่ทิ้งท้ายมาจากเล่ม 4 ด้วย ต่อไปนี้สปอยล์เต็มที่นะคะ เพราะพูดถึงเล่มนี้โดยไม่สปอยล์เล่มก่อนหน้าไม่ได้
++++++++++++++++++++++++
จากการอ่านเล่ม 4 ทำให้เรารู้ว่า หญิงชราผู้นำของ Sanf Inimicus กลุ่มศํตรูตัวฉกาจที่คอยไล่ล่าดราคอน ที่แท้คือ ออนเนอร์ คาร์ไลเซิล ซึ่งเป็นเด็กสาวเผ่าดราคอนที่ถูกลักพาตัวไปในเล่ม 3 (Queen of Dragons) เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กสาวเรียบร้อยขี้อายคนหนึ่งที่เพิ่งหายตัวไปไม่นานนัก กลับมาปรากฏตัวกลายเป็นหญิงชราร้ายกาจผู้ฆ่าชาวเผ่าไปหลายคนแล้วได้! นั่นเพราะออนเนอร์มีพลังที่ไม่มีใครเหมือน เธอเป็นผู้ถักทอเวลา เธอไม่มีความสามารถแปลงร่างเป็นมังกรเหมือนพวกที่มีสายเลือดอัลฟ่า แต่ความสามารถพิเศษของเธอ คือ การเดินทางข้ามเวลาไปมาได้ทั้งอดีตและอนาคต เพียงแต่พลังนั้นก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่เธอควบคุมไม่ได้ทั้งหมด
ออนเนอร์ถูกลักพาตัวออกจากหมู่บ้านตั้งแต่อายุ 14 เพื่อรักษาชีวิตของเธอเอง แล้วมาอาศัยที่ประเทศสเปนอยู่กับอมาเลียและเซน พระเอก-นางเอก เล่ม 2 (The Dream Thief) ในฐานะลูกเลี้ยง ตามนิมิตฝันของลีอา ในการข้ามเวลาไปมานั้น ดึงดูดออนเนอร์ให้มาพบกับ ซานดู หรือเจ้าชายอเล็กซานดรู ผู้ปกครองของเผ่ามนุษย์มังกรแห่งซาฮาเรน ซานดูเป็นน้องชายของนางเอกเล่ม 3 และเคยปรากฏตัวในเล่ม 4 ตอนนั้นยังเป็นเด็กหนุ่ม ความสัมพันธ์รักระหว่างทั้งสอง จะนำไปสู่หายนะทั้งของเผ่ามังกรซาฮาเรน และเผ่ามังกรอังกฤษ และจะทำให้ชะตาชีวิตของออนเนอร์พลิกผันกลายเป็นศัตรูของเผ่าตัวเอง แล้วจะทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนอนาคตอันมืดมนนั้น
แค่ประเด็นเดียวว่า จะทำยังไงให้รอดจากชะตากรรมนั้น ก็ดึงเราให้ติดตามอ่านเรื่องนี้ได้ตลอดเล่มแล้ว เพราะอยากรู้ว่าจะลงเอยยังไง แต่ในส่วนการดำเนินเรื่องไม่ได้เน้นเรื่องว่าจะแก้ปัญหายังไงนะคะ เพราะเจ้าตัวนางเอกเองก็ไม่รู้อนาคตตัวเองว่า จะกลายเป็นยายแก่นั่นได้ เรื่องราวส่วนใหญ่อยู่ที่การข้ามเวลาไปมาเพื่อเจอกันระหว่างพระเอกนางเอก ตอนอ่านก็นึกว่าคล้ายกับเรื่อง The Time Traveler's Wife ของ Audrey Niffenegger เหมือนกันนะ แต่นี่เป็นโรแมนซ์ยุคโบราณปนแฟนตาซี ฉากที่ซานดูแปลงเป็นมังกร ให้ออนเนอร์ขี่หลัง เหาะเหนือท้องฟ้าราตรี เป็นฉาก seducing ที่เราว่า แปลกใหม่ดี
เราอ่านเรื่องนี้ไม่เบื่อเลยนะ แต่ก็ไม่ได้ชอบเต็มที่ เพราะบอกตามตรงว่า เราไม่ชอบไอ้เผ่าดราคอนนี้เลย พระเอกนางเอกแต่ละคน ดูเย็นชาห่างเหินจากคนอ่านยังไงไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าตัวละครในเรื่องเย็นชา ทั้งคู่ออนเนอร์-ซานดู ลีอา-เซน ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากๆ ในเรื่องนี้ รักกันลึกซึ้งนะคะ แต่เรารู้สึกว่า สำนวนการเขียนเว้นวรรคตัวละครกับคนอ่าน มักจะบรรยายการกระทำ แต่ไม่ค่อยบรรยายจิตใจและความรู้สึกภายใน ทำให้เราไม่อินไปกับตัวละครเผ่านี้เลย และเล่มนี้ เผ่าดราคอนอังกฤษนี่รับบทตัวร้ายเต็มที่เลย ทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่กับไอ้เผ่านี้เข้าไปใหญ่ และผิดหวังกับชีวิตของลีอากับเซนนิดหน่อย ที่ดูไม่มีความสุขเท่าไหร่ เพราะต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จากเผ่า ผิดฟอร์มนิยายโรแมนซ์เวลากล่าวถึงตัวละครจากเรื่องก่อนๆ
ส่วนตอนจบก็ตลกดีค่ะ พระเอกนางเอกเรื่องนี้แปลกดี ปล่อยให้คนอื่นขโมยซีนจัดการแก้ปัญหาทั้งหมดไป โดยตัวเองแค่ยืนรอรับคำสั่ง คือ ถ้าอ่านในฐานะเรื่องชุดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าในฐานะเล่มเอกเทศของตัวเอง นับว่าผิดวิสัยตัวเอกมากๆ แต่รวมๆ แล้วก็โอเคกับเล่มนี้นะคะ พลิกฟื้นความรู้สึกขึ้นมาได้ เราก็จะยังตามอ่านซีรีส์นี้ต่อไป เพราะปมปัญหาที่ทิ้งไว้จากเล่มก่อนๆ ก็ยังเคลียร์ไม่หมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น