วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553

The Temporary Wife - Mary Balogh

คะแนน : 9


เคยอ่านเรื่องนี้มาสองสามปีแล้ว จนลืมนึกถึงไปเสียนาน พอมาเปิดรายชื่อเรื่องของ Mary Balogh ที่เราทำเป็นไฟล์เอาไว้ สำหรับจดว่าเรื่องไหนอ่านแล้ว เราให้คะแนนไว้เท่าไหร่ เรื่องไหนยังไม่อ่าน เพื่อดูว่าจะหยิบเรื่องไหนมาอ่านต่อดี ก็เจอว่าให้คะแนนเรื่องนี้ไว้ที่ 9 แต่จากชื่อเรื่องซึ่งค่อนข้างธรรมดา แล้วไม่ได้อยู่ในชุดใดๆ ทำให้เรานึกไม่ออกในทันทีทันใดว่า เนื้อเรื่องเป็นยังไง เป็นเหตุให้เราหยิบเรื่องนี้มาดูอีกที พอเปิดมาก็จำได้ แล้วเพียงแค่ไม่กี่หน้าที่อ่านไปเพื่อจะทวนความจำนั้น ก็ทำให้เราอดใจอ่านเล่มนี้ใหม่อีกรอบไม่ได้ พออ่านจบแล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเราให้คะแนนเรื่องนี้ไว้ที่ 9 ซึ่งเป็นเรื่องของ Balogh ที่ได้คะแนนสูงสุดจากเรา และส่งให้ Balogh เป็นหนึ่งในนักเขียนคนโปรดของเราด้วย

ที่คะแนน 9 ทำให้ The Temporary Wife เป็น 1 ใน 20 นิยายโรแมนซ์ที่เราชอบมากที่สุด ถ้าพูดถึงในด้านของเนื้อเรื่องอาจไม่มีอะไรโดดเด่นหวือหวามาก เรื่องราวเริ่มต้นที่

คงไม่เป็นการดีแน่ ถ้าจะลงประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ลอนดอนเพื่อรับสมัครภรรยา ดังนั้น Marquess of Staunton บุตรชายคนโตและทายาทของ Duke of Withingsby จึงประกาศรับสมัครครูพี่เลี้ยงแทน

โดยเจตนาที่แท้จริงของ Marquess of Staunton หรือแอนโธนี พระเอกของเราคือ การหาผู้ที่จะมาเป็นภรรยาชั่วคราว เพื่อพากลับไปแสดงตัวที่บ้านของเขา เป็นการต่อต้านผู้บิดา ที่เรียกตัวเขากลับบ้าน ทั้งที่ตัดขาดจากกันมา 8 ปี ทั้งยังเตรียมหาคู่หมั้นไว้ให้เขาแล้ว ดังนั้น เขาจึงต้องการต่อต้านด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเลือกเอง คุณสมบัติที่แอนโธนีตั้งไว้ในใจสำหรับภรรยาของเขาผู้นี้คือ เธอต้องเป็นสาวผู้ดี เพราะเขาจะไม่ยอมลดตัวต่ำกว่านั้น แต่เธอต้องเป็นสาวตกยาก หน้าตาจืด สงบเสงี่ยม ธรรมดาสามัญที่สุด หงิมๆ ได้ยิ่งดี สรุปว่า เธอต้องมีบุคลิกเหมือน หนูที่แอบอยู่เงียบๆ นั่นเอง เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ดูไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดัชเชสในอนาคตที่สุด ยิ่งทำให้พ่อของเขาขัดใจที่สุดเท่าไหร่ได้ ก็ยิ่งจะสร้างความพอใจให้เขาเท่านั้น

หนึ่งในผู้ที่ตอบรับประกาศรับสมัครโฆษณาชิ้นนั้น คือ แชริตี้ ดันแคน เธอเป็นสาวผู้ดีตกยาก ที่พ่อทิ้งหนี้สินมากมายไว้ให้ ทั้งยังมีน้องๆ ที่ต้องดูแลอีกหลายคน แชริตี้จึงต้องมาทำงานเป็นครูพี่เลี้ยง แต่ด้วยความปากไวใจตรง จึงถูกนายจ้างเก่าไล่ออกเพราะไปช่วยปกป้องสาวใช้ที่ถูกลวนลาม ด้วยความอยากได้งาน แชริตี้ตั้งใจว่า ในการสัมภาษณ์งานครั้งนี้ (ซึ่งจะเป็นครั้งที่เจ็ด!) เธอจะต้องสงบปากสงบคำให้มากที่สุด แต่งตัวให้เรียบที่สุด ทำตัวเป็นหนูตัวเล็กๆ สีน้ำตาลทึมๆ มอๆ

ในการสัมภาษณ์ แอนโธนียื่นข้อเสนอการแต่งงาน เพื่อให้เธอไปปรากฏตัวที่บ้านประจำตระกูล เป็นระยะเวลาชั่วคราว 1-2 สัปดาห์ จากนั้น แม้จะต้องอยู่ในฐานะสามีภรรยาไปตลอดชีวิต แต่ทั้งสองก็จะแยกกันอยู่ โดยเธอจะได้รับเงินเลี้ยงดูทุกปี ได้บ้าน รถม้า คนรับใช้ มีความเป็นอยู่สุขสบายเป็นเอกเทศไปตลอด โดยไม่จำเป็นต้องกลับมาเจอกันอีก คุณคงเดาคำตอบของเธอได้

เมื่อทั้งสองไปถึงเอนฟีลด์ ได้พบกับท่านดยุค บรรดาน้องชายและน้องสาว น้องสะใภ้ น้องเขย ของแอนโธนี กับการต้อนรับที่แสนเย็นชา ด้วยธรรมชาติของแชริตี้ เธอก็ไม่สามารถจะเป็นหนูที่อยู่เงียบๆ ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงชั่วคราว แต่เธอก็จะไม่ปล่อยให้ครอบครัวที่ไร้สุขนี้ ดำเนินความเข้าใจผิดและมึนตึงต่อกันไปเรื่อยๆ อย่างนี้แน่ แล้วเธอก็เริ่มต้นประสานรอยร้าว เยียวยาความรู้สึก และเปิดใจของแอนโธนีให้คืนดีกับครอบครัว

เราไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดี แต่เรารู้สึกว่ามันลงตัวไปหมด เราชอบตัวละครทั้งตัวละครหลักและตัวละครรอง ในส่วนของแอนโธนีและแชริตี้ แม้แอนโธนีจะมีความคับข้องใจกับพ่อและน้องชาย แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวมืดมนหมองหม่นจนน่ารำคาญอย่างพระเอกบางเรื่อง จากการกระตุ้นของแชริตี้ ทำให้เขาเปิดตาเปิดใจให้คนรอบข้าง ค่อยๆ คลายความขมขื่นลงไป ส่วนแชริตี้ก็สมบูรณ์แบบกับบทบาทนางเอกในเรื่อง เธอเป็นผู้ที่มาขับเคลื่อนเรื่องราว เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของทุกคนในครอบครัวนี้ โดยเฉพาะแอนโธนี โดยที่ทุกอย่างที่เธอทำในเรื่อง ไม่มีอะไรที่เรารู้สึกว่า เป็นการกระทำที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปเลย เป็นบทนางเอกที่ perfect มาก อ่อนโยน มีน้ำใจ มีอารมณ์ขัน แต่ก็มีเหตุมีผล เจ้ากี้เจ้าการในบางครั้ง แต่ก็ไม่ถึงกับน่ารำคาญ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องอวดดีหรือเล่นตัวกับพระเอก

ในส่วนของตัวละครรองต่างๆ ก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน ท่านดยุคก็มีความลึกและเหตุผลของตนเอง น้องๆ ของพระเอกทั้งสี่คน ที่มีอายุ บุคลิกลักษณะแตกต่างกัน ต่างก็มีความสัมพันธ์กับพระเอกแตกต่างกันไปหลายๆ แบบ เป็นกลุ่มของตัวละครที่ทำให้เราชอบ และทำให้เนื้อเรื่องน่าติดตามได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวร้ายของเรื่องเลย

ในขณะที่แชริตี้เริ่มชนะใจคนอื่นๆ ความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสองก็ค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ ด้วย ในเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีอะไรนั้น กลับสอดแทรกไปด้วยฉากย่อยๆ และบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างตัวละคร ที่น่าประทับใจมากมาย เราชอบฉากที่พระเอกชมนางเอกแบบไม่เต็มใจว่า นางเอกหลอกลวงเขาที่ตอนแรกปิดบังไม่ยอมให้เขาเห็นว่าตัวเองสวย ชอบฉากที่พระเอกเล่าสาเหตุที่ออกจากบ้านให้น้องชายที่เป็นทหารฟัง ชอบฉากสุดท้ายระหว่างพระเอกกับพ่อ และชอบฉากที่พระเอกอุ้มน้องสาวคนเล็กนั่งตัก คำพูดง่ายๆ ของเด็กแปดขวบที่อยากให้แอนโธนีเป็นพ่อ แล้วบอกว่า แชริตี้จะเป็นเหมือนแม่ ต่อไปนี้เธอจะมีใครที่เป็นของเธอเองบ้างแล้ว ทำให้เราซึ้งมากมาย

นี่ล่ะ เรื่องที่เราจะอ่านซ้ำได้อีกเรื่อยๆ เรื่องที่ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกดี เรื่องแบบที่เป็นเหตุผลให้เราชอบอ่านนิยายโรแมนซ์

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ต้องกลับรื้อมาอ่านซะแล้ว^^

แสดงความคิดเห็น