เพิ่งวางตะกี๊ความรู้สึกยังดิบๆ อยู่เลย
ตอนที่ Harry Potter จบใหม่ๆ เราเคยบอกคนใกล้ๆ ว่า เราไม่อยากให้เจเคเขียนเรื่องอื่นเลย เขียนแฮร์รี่เรื่องเดียวในชีวิตให้เป็นตำนานไปเลยดีกว่า เพราะต่อให้เขียนเรื่องใหม่ดีแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้เทียบเคียงนั้น พอปีที่แล้วมีข่าวว่าเจเคเขียนเรื่องใหม่ คราวนี้เป็นนิยายผู้ใหญ่ เราก็นึกย้อนถึงคำพูดตัวเอง แต่ก็นึกในใจไปด้วยว่า คงไม่ยุติธรรมสำหรับนักเขียนเท่าไหร่ที่จะต้องถูกคนอ่านตีกรอบให้อย่างนั้น เราไม่รู้ตัวเองอยู่เป็นอาทิตย์เลยมั้งว่าอยากอ่านหรือไม่อยากอ่านเล่มนี้ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าก็คงจะอ่าน ถึงอาจจะไม่ชอบแต่คงอดใจอยากรู้ไม่ได้หรอก พอเล่มนี้ออกมาก็ไม่กล้าอ่านรีวิวก่อนเลย อ่านแบบไม่รู้อะไรไม่ต้องคาดหวังอะไรทั้งสิ้นแบบนี้แหละ
เอาล่ะ เริ่ม! รู้สึกหน้าปกเชยๆ นะ โอ้โห สารบัญ แบ่งบทซอยย่อยเยอะนะนี่ แอบขำนิดหน่อย ตรงที่มี 7 Part อ้อ คำว่า Casual Vacancy มันหมายความว่าอย่างนี้เอง อ่านไปไม่ทันไร เราก็ยิ้ม ตอนที่บรรยายว่า รางวัลที่ต้องไปทนกับประสบการณ์เลวร้ายก็คือสิทธิที่จะได้นำเรื่องนั้นไปเล่าต่อ เจเคฟันคมอ่ะ ถัดไปอีกหน่อย คราวนี้หัวเราะเลย ตอนที่เปรียบกับควีนลดธงครึ่งเสาให้เจ้าหญิงไดอาน่า ในใจเราแซว "เขี้ยวโผล่ๆ" ความจริงเราก็ว่าสำนวนของเจเคน่ะคมและมีจิกกัดนิดหน่อยตั้งแต่แฮร์รี่แล้ว แต่พอเป็นนิยายผู้ใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกว่าแรง ฮ่าฮ่า เรายังไม่รู้ตัวว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะยิ้มได้ตอนอ่านเรื่องนี้
เนื้อเรื่องเล่มนี้เป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน ฉากของเรื่องเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ เปิดฉากขึ้นด้วยความตายของตัวละครคนหนึ่งในเรื่อง ซึ่งเขาเป็นเหมือนสมาชิกสภาเทศบาลของเขตนี้มั้ง การตายของเขาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เหมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปบนผิวน้ำ แล้วเกิดคลื่นกระจายไปรอบๆ กินวงไปถึงชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องมากมาย เรื่องนี้ไม่มีตัวละครหลัก มีตัวละครเยอะมาก พวก สท. เป็นผู้ใหญ่มีทั้งรุ่นพ่อแม่ รุ่นปู่ย่า ผู้หญิง ผู้ชาย เจ้าของร้านอาหาร หมอ ครู ทนาย นักสังคมสงเคราะห์ โสเภณีขี้ยา ฯลฯ แล้วก็พวกลูกๆ วัยรุ่นหญิง วัยรุ่นชาย เล่าเรื่องตัวละครหมุนไปหมุนมา และบุคลิกแต่ละคนนี่ก็ไม่อยากจะเอ่ย ตัวใหม่โผล่มาทีไรก็ไม่มีคนที่เราพอจะชอบได้เลย เหมือนเจเคตั้งใจทำให้แน่ใจว่า คนอ่านจะไม่เอาตัวเองไปผูกกับใคร จะไม่มีตัวละครไหนรับไม้ต่อจากแฮร์รี่
เรารู้ดีว่ามันจะไม่เหมือนแฮร์รี่ แต่อ่านช่วงแรกก็อดไม่ได้หรอกที่มองหาอะไรบางอย่างที่มันอาจจะย้อนไปถึงได้ ไม่รู้หรอกว่าอะไร สไตล์ รูปแบบ สำนวน ตัวละคร แต่แป๊บเดียวเราก็รู้ว่าไม่ใช่ นี่ไม่ใช่แฮร์รี่เลย อย่าเสียเวลามองหา เจเคคงจะตั้งใจเขียนให้ต่างกันที่สุดเลยด้วยมั้ง แต่วินาทีที่ทำให้เราแน่ใจที่สุดแล้วว่าจะไม่เจออะไรจากแฮร์รี่ในเล่มนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เราอ่านถึงฉากที่เด็กชายวัยรุ่นขึ้นรถโรงเรียน แล้วเอากระเป๋าบัง erection ของตัวเอง ตอนที่เราเห็นคำนั้น กะพริบตานิดหนึ่งว่าไม่ได้อ่านผิด ยอมแล้ว เชื่อแล้ว จะไม่เอาไปเทียบกับเรื่องนั้นแล้ว
ตัวละครทุกคนในเรื่องเป็นพวกมีปัญหาชีวิตขนาดหนัก เจเคยัดปัญหาสังคมปัจจุบันทุกเรื่องใส่เข้ามาในเรื่องนี้ ปัญหาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว พ่อแม่ลูก สามีภรรยา แฟน ปัญหาในโรงเรียน ยาเสพติด เซ็กส์ก่อนวัย สารพัดปัญหาทุกเรื่องสุมเข้ามาจนเราอ่านแล้วเราเหนื่อยใจแทน ในแวดวงสังคมเล็กๆ แค่นี้ทำไมมันเป็นแหล่งรวมปัญหาขนาดนี้หวา ตอน 1/3 เรื่อง อ่านจบฉากที่เด็กผู้หญิงแอบกรีดแขนตัวเอง ทำซ้ำๆ กันมาตลอด เพราะกดดันกับการถูกเพื่อนแกล้ง ที่บ้านไม่เข้าใจ เราก็วางเลยค่ะ พักเบรก ต้องหาอะไรจรรโลงใจทำก่อน
กลับมาอ่านต่อ สรุปว่าครึ่งเล่มแรกเป็นการปูให้รู้จักตัวละครกับสภาพไร้สุขที่แต่ละคนดำรงอยู่ ปัญหาชีวิตสุมๆ รุมเร้าเยอะๆ เวียนไปเวียนมา 10-20 คน เรามีปัญหากับการอ่านนิยายที่ไม่มีตัวละครหลักมาตลอด ถ้าเราไม่อิน เราก็จะไม่แคร์ จนถึงกลางเล่มเพิ่งจะมีจุดที่รู้สึกว่ามีเนื้อเรื่องเกิดขึ้น ข้อความบนเว็บไซต์จากล็อกอินปริศนา ก็เปิดเปลือยปัญหาชีวิตของตัวละครหนักเข้าไปอีก สถานการณ์ย่ำแย่เลวร้ายลง เราต้องพักให้ตัวเองอีกรอบตอนอ่านฉากที่เด็กผู้หญิงวัยรุ่นอีกคนถูกคนที่ขายยาให้แม่มาข่มขืนในบ้าน รับไม่ไหวค่ะ ยิ่งบรรยายเฉยๆ เหมือนรายงานข่าว ตอกย้ำเข้าไปเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาเกิดขึ้นทุกวันในสังคม ขอเวลานอกหาเรื่องอื่นทำอีกรอบ
หลังพักกลับมาก็ยิ่งสลดหนักกับปฏิกิริยาของเด็กคนนี้ ไม่รู้จะโวยวายเอาเรื่องกับใคร หันไปหาใครก็ไม่ได้ ทางออกที่คิดได้ก็เหมือนสิ้นคิดหนักเข้าไปอีก ส่วนตัวละครอื่นๆ คนที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ก็แอบทำร้ายกัน ชีวิตคนเวลาอยู่ในวงจรอุบาทว์ก็คือแบบนี้สินะ ทุกคนในเรื่องนี้ไม่มีใครมีความสุข คนที่ไม่มีความสุขก็หาวิธีทำร้ายคนอื่นต่อ แล้วสุดท้ายเรื่องก็จบที่ความตายของเด็กเล็กยังไม่เดียงสา 1 คน เด็กผู้หญิงฉีดเฮโรอีนฆ่าตัวตายอีกคน สรุปว่าปัญหาทั้งหมดคืออะไร เพราะไม่มีใครจะใส่ใจมากพอจะเหลียวแลกัน
เรารู้ว่าปัญหาเรื่องพวกนี้มันมีอยู่จริงในสังคม หนังสือพิมพ์ลงเรื่องพวกนี้บ่อยเกินไปจนไม่อาจหลอกตัวเองได้ว่าไม่จริง แต่ในชีวิตเราไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้นี่นา จนเราเริ่มจะรู้สึกว่ามันพยายามดราม่าไปมั้ยอ่ะ มันสมจริงจนรู้สึกไม่จริงมั้ย เราอ่านแล้วเหนื่อย ไม่อยากรับรู้ อยากมุดหัวจมทราย เห็นแก่ตัวไปมั้ย ถ้าอยากบอกว่า เอาวันหยุดของเราคืนมานะ
เราเคยบอกว่าคนที่อ่านฮังเกอร์เกมส์ควรจะโตกว่าคนที่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะต้องรับรู้ว่าหลังโตเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตก็อาจไม่ลงเอยด้วยดี ถ้าเราเคยคิดว่า ซูแซนน์ คอลลินส์ ใจร้ายกับคนอ่าน ตอนนี้ก็ต้องบอกว่า เจ.เค. โรวลิ่ง เลือดเย็นเลยล่ะ เด็กที่ถูกหลอกให้อ่านนิทานพ่อมดในโลกแฟนตาซี พอเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องถูกบังคับให้รับรู้ความเป็นจริงของชีวิตว่ามันบัดซบได้ขนาดไหน ตลกดีเมื่อนึกว่าแม่บ้านตกงานที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพังจากเงินสวัสดิการสังคม พาเราหลบหนีไปยังโลกเวทมนตร์ แต่นักเขียนหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ครอบครัวพรั่งพร้อมสมบูรณ์กับสามีและลูกๆ กลับพาเราย้อนมายังโลกโสมม
เราไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเจเคในการเขียนเรื่องนี้คืออะไรกันแน่ แต่เราคิดว่าลึกๆ ในใจคงมีความรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวตนปนอยู่ด้วย แบบว่าให้เรียกฉันว่า "เจ.เค. โรวลิ่ง" อย่าเรียกฉันว่า "ผู้แต่งแฮร์รี่ พอตเตอร์" และนี่ก็คือ The Casual Vacancy ไม่ใช่เรื่องใหม่ของคนเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ โอเคค่ะ เราก้มหัวยอมรับโดยดุษณี นี่ไม่ใช่นวนิยายสำหรับแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์
5 ความคิดเห็น:
เราว่าเค้าน่าจะเปลี่ยนนามปากกาไปเลยรึเปล่าถ้าจะเขียนเรื่องใหม่ในแนวอื่น ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ปกติถ้ายังไม่อ่านหนังสือเราจะไม่ดูรีวิว งวดนี้เห็นคะแนนต่ำเลยอ่านรีวิวต่อ และพบว่า โอเค ลาขาด
จริงๆได้กลิ่นตั้งแต่อ่านเรื่องย่อแล้วว่าจะไม่เหมาะกับเรา และมันก็ไม่เหมาะจริงๆด้วย แง้ 5555 แต่ก็ซื้อมาค่ะ ด้วยความรู้สึกว่า นี่เจ.เค.นะ ยังไงก็ต้องลองอ่านดู ไม่งั้นมันคาใจ 5555
รีวิวได้ไวมากค่ะ ขอชื่นชม
ถ้าเปลี่ยนนามปากกาอาจเหมือนยอมรับมั้ยคะว่าไม่กล้าเอาชื่อมาเสี่ยงกับเรื่องนี้ เจเคบอกว่าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง แต่เราว่ามันคงมีบ้างล่ะค่ะ ถึงจะบอกว่ามันไม่เหมือนกันยังไง แต่พวกที่วิ่งไปตายดาบแรกนี่ก็คงเป็นแฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ใช่ใคร
นึกไม่ถึงจริงๆ ค่ะว่าจะแรงขนาดนี้ ถ้ารู้ก่อนเราอาจจะไม่ช็อคเท่านี้ค่ะ ถ้าอ่านแบบรู้ตัวแล้วอาจจะโอก็ได้นะคะ เรารีบอ่านเพราะเป็นพวกกลัวสปอยล์ค่ะ เล่มนี้มันดังเว็บพูดถึงเยอะต้องคอยหลบ แล้วพออ่านไปแล้วก็ต้องรีบอ่านให้จบเพราะคิดว่าไหนๆ จะตายแล้ว ตายทีเดียวค่ะ 555
ไม่นะคะ เราคิดว่าการเปลี่ยนนามปากกาบางครั้งก็เป็นการบอกว่าไม่ได้เขียนแนวเดิมแล้ว ไม่ใช่แนวเด็กๆแล้ว อย่าง Mary Jo Putney ใช้นามปากกานี้เขียนโรแมนซ์ แต่ใช้ M.J. Putney เขียน YA
ขอบคุณคุณ Nas ที่เป็นหน่วยกล้าตายออกไปลาดตระเวณก่อน ไม่งั้นเราอาจมีลองเหมือนกัน ^^;;
ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเจเคเคยบอกว่า ถึงเปลี่ยนนามปากกา นักข่าวก็ต้องเอาไปประโคมอยู่ดีเลยไม่เปลี่ยนมั้งคะ แต่ที่จริงก็เห็นด้วยอยู่นะคะเรื่องควรใช้นามปากกาอื่น เพราะแนวมันต่างกันมากเลย ถ้าใช้ชื่ออื่นจำนวนแฟนแฮร์รี่ที่หลวมตัวมาอ่านเล่มนี้ก็คงจะน้อยลง ^^
แสดงความคิดเห็น