คะแนน : 8 
Blogger เดี้ยงไปสองวัน เข้าอัปเดตไม่ได้ พอกลับมาก็ทำโพสต์กับคอมเมนต์ช่วง 1-2 วันก่อนหน้านั้นหายด้วย เคืองนะ -_-+ ดูหน้า Blogger Status ที่เขารายงานไว้ ทำให้รู้ว่า มันเอ๋อมาหลายทีแล้วนี่นา งั้นแต่ก่อนไอ้ที่เรางงกับอาการแปลกๆ ของบล็อก บางทีก็ล็อกอินไม่ได้ นึกว่าเป็นที่เครื่องตัวเอง ที่แท้อาจเป็นที่ตัวเว็บ บริษัทใหญ่ระดับ Google ไม่น่าพลาดขนาดนี้เลย
ในที่สุดก็เจอเรื่องของ LK ที่เราชอบจริงๆ จนได้ ขอบคุณผู้แนะนำนะคะ
Love In The Afternoon เป็น Hathaways เล่ม 5 ตอนแรกก็ลังเลหน่อยนะคะว่า ควรไปเริ่มอ่านจากเล่ม 1 จะได้รู้ความเป็นมาตัวละครก่อนดีรึเปล่า แต่กลัวจะถอดใจไล่มาไม่ถึงเล่มสุดท้าย เหมือนเล่มนี้คนชมที่สุดในชุด เริ่มเล่มนี้แหละ
บีเอทริกซ์ แฮธาเวย์ เขียนจดหมายตอบคริสโตเฟอร์ แทนเพื่อนสาว ด้วยความสงสารนายทหารหนุ่มที่ต้องจากบ้านไกลไปรบในสงคราม แต่มันก็เริ่มเลยเถิด จาก จ.ม. ธรรมดาที่โต้ตอบกันก็ค่อยๆ กลายเป็นจดหมายรักสื่อใจทั้งสอง แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ เมื่อชื่อที่ลงท้ายจดหมายนั้นไม่ใช่ชื่อเธอ
แค่เริ่มต้นก็สนุกแล้ว ปมที่ผูกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องมันเปิดโอกาสให้ลุ้นได้เยอะดี ว่าเรื่องจะคลี่คลายออกมายังไง และจดหมายที่ทั้งคู่เขียนโต้ตอบกัน อ่านแล้วสนุกดี เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ผ่านตัวหนังสือเลย มีทั้งอารมณ์ขัน ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และปลอบประโลม จดหมายฉบับหลังๆ นี่ภาษาไพเราะราวกับบทกวี และฉบับสุดท้ายนี่ อ่านแล้วเหมือนรู้สึกว่า เขียนมาจากอารมณ์เกือบหัวใจสลายจริงๆ
การเขียนจดหมายนี่มันดูโรแมนติกกว่าจริงๆ ด้วยนะนี่ แบบอีเมล์รักนี่มันคงไม่ค่อยซึ้ง อารมณ์รอว่าเมื่อไหร่เขาจะตอบมาก็ไม่มี ลายมือก็ไม่เห็น จะพกติดตัวมาอ่านแล้วอ่านอีกเป็นพันเที่ยวในมือถือก็ดูไม่คลาสสิค เราว่าจดหมายนี่เขียนยากนะคะ ในชีวิตเรานอกจากที่คุณครูภาษาไทยให้เขียนแล้ว ก็ไม่เคยเขียนถึงใครอีก โตมามันก็เป็นการสื่อสารรูปแบบอื่นแล้ว โทรศัพท์ อีเมล์ เลยเขียนไม่ค่อยเป็น แถมเราไม่เคยเขียนไดอารี่เลย เพิ่งเริ่มเขียนบล็อกไม่นานเอง นึกอะไรได้ก็จิ้มคีย์บอร์ดลงไป อยากเติมตรงโน้นตรงนี้ก็ง่ายดี แต่ถ้าเขียนลงสมุดนี่ คงต้องคิดแล้วคิดอีก ถ้ามีขีดฆ่าไปมาคงเละดูไม่ได้ แต่ละคำในจดหมายมันถึงดูเป็นคำที่ผ่านการกลั่นกรองจากใจมาอย่างดี
เหมือนเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ มีขำหลายฉากเหมือนกันนะ อีตอนที่บีพลิกตัวนอนคว่ำให้ สำลักน้ำเลย ลืมคำเตือนว่าห้ามกินอะไรตอนอ่านนิยาย ตอนที่เคลียร์ประเด็นสำคัญกันได้ เราก็นึกว่าจะจบ แต่ยังเหลืออีกเกือบครึ่งเล่ม แล้วมันจะมีเรื่องอะไรต่อล่ะ แต่ LK ก็ปล่อยประเด็นออกมาดึงความสนใจได้เรื่อยๆ ไม่มีอืดเลย ช่วงท้ายเรื่องนี่มันอาจดูเนือยๆ หน่อย แต่ถ้าคิดจากสิ่งที่พระเอกประสบมาก็สมจริงแล้ว ถ้ารวบรัดตัดเร็วไปคงไม่ดี เขียนแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เชื่อในความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากขึ้น
เราชอบพระเอกและนางเอกทั้งคู่เลย บีเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีการท่ามากเลย ชื่อบีเอทริกซ์นี่ LK ตั้งบูชาครูใช่มั้ยนี่ รักสัตว์ รักธรรมชาติ ตอนแรกเราไม่คิดอะไร แต่พอท้ายๆ ที่พูดเรื่องสมาคม เออนี่มันเหมือนชีวิต Beatrix Potter คนเขียนเรื่อง "กระต่ายน้อยปีเตอร์" นี่นา เลี้ยงเม่นเหมือนกันด้วย (แต่เรื่องจริงเหมือนเธอไม่ได้รับการยอมรับจากสมาคมนะ สมัยนั้นพวกตาแก่เคราเฟิ้มหัวโบราณยังไม่ยอมรับผู้หญิง ในด้านความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์กับธรรมชาติ ตอนหลังร้อยปีเพิ่งมาขอโทษ ไม่แน่ใจชื่อสมาคม แต่อยู่ในบทความที่อ่านในนิตยสารสารคดี ฉบับเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ล่ะ)
คริสโตเฟอร์ก็ดีค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เราได้เห็นผลของสภาพจิตใจตัวละคร ที่ไปผ่านการต่อสู้ในสนามรบมาแบบลงรายละเอียดดี การที่พระเอกไปรบแล้วกลับมาเปลี่ยนไป นี่มันมีในนิยายโรแมนซ์หลายเรื่องนะ แต่เรื่องนี้เราว่า เขียนได้ชัดเจนสมจริง ไม่มากไปน้อยไป ทำให้เห็นใจ และไม่รำคาญ ดีที่เขาไม่โยกโย้มากเรื่องความสัมพันธ์ และพระเอกรักนางเอกมากจริงๆ นะ เราจำได้ล่ะ พระเอกของ LK จะชอบพูดจาหวานๆ อย่างนี้ล่ะ แบบผมจะปกป้องคุณทุกอย่าง โดยเฉพาะจากตัวผมเอง อ่านไปบางทีก็ต้องถอนหายใจ เฮ้อ พูดเพราะจัง ประทับใจ
ระดับความหวานของคำพูดคริสโตเฟอร์นี่ หวานเต็มพิกัดที่เราพอรับได้พอดีนะคะ ถ้ามากกว่านี้อีกนิดเดียว เราก็ไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่รู้เป็นไร แต่เราฟังภาษาดอกไม้ของผู้ชายได้ไม่มากอ่ะค่ะ แบบตอนรพินทร์พูดกับคุณหญิงดารินนี่ อ่านแล้วขนลุก เหมือนมดขึ้นตัว แบบ Nicholas Sparks นี่เลี่ยนจนกลืนไม่ลงเลย อ่านไม่ไหว สรุปว่าถ้าเป็นเรื่องรัก ต้องอ่านของนักเขียนหญิงเท่านั้น ไม่รู้เรื่องก่อนๆ ของ LK ที่เรารู้สึกขัดๆ เพราะพระเอกหวานไปรึเปล่า แต่เรื่องนี้ล่ะกำลังดีเลย เราดีใจจังค่ะ ที่ในที่สุดเราก็ชอบ LK ได้จริงๆ ซะที จะได้เลิกรู้สึกแปลกกว่าชาวบ้าน ^_^