วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

Dangerous in Diamonds - Madeline Hunter

คะแนน : 7.5

Rarest Blooms #4 เล่มจบของซีรีส์ ครึ่งเล่มแรกสนุกมาก กรี๊ดสลบกับจอมแสบคาสเซิลฟอร์ด เป็นตัวละครที่ชอบมาก่อนจะเปิดหน้าแรกของเล่มนี้ ตอนเล่มหนึ่งเราไม่ชอบเขา พอเล่มสองยังจำฉากแรกที่ทำให้เราหลงเสน่ห์เขาได้เลย เป็นตอนที่ฮอว์คเวลส์มาขอคำปรึกษาว่า ถ้าผู้มีอำนาจจะทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหายตัวไปจะทำไง แล้วคาสเซิลฟอร์ดดันนึกว่าเพื่อนจะทำก็ให้คำแนะนำแบบหน้าซื่อตาใสมา แล้วฮอว์คเวลส์หันมาถามเซบาสเตียนว่า ฆ่าหมอนี่ได้ไหม ก๊ากเลย ขำกับเรื่องวันอังคาร แล้วเล่มนี้ก็ไม่ผิดหวังกับพระเอกเลย ชอบฉากที่คาสเซิลฟอร์ดคุยกับฮอว์คเวลส์จัง ตลกดี กับฉากที่แดฟนีปฏิเสธคาสเซิลฟอร์ด ด้วยข้ออ้างตามที่ซีเลียแนะนำ ฮามาก

แต่ด้วยความที่รออ่านเล่มนี้มานาน ก็ไม่อ่านเรื่องย่อหรือรีวิวเลย กะว่าเดี๋ยวลุ้นเอง เราเลยไม่ได้เตรียมใจ ปรากฏว่า พอครึ่งเล่มหลังเรื่องเริ่มเครียด อ่านจบแล้วปวดหัวหนึบๆ ไม่น่าเลย ถ้าเรื่องไหนมีประเด็นเราอยากรู้ตัวก่อนอ่าน เดี๋ยวทำใจได้ก่อนค่อยกลับมาเขียนแล้วกัน

ต้องทำใจอยู่หลายวัน ถึงจะพอบอกความคิดตัวเองออกมาได้ มีสปอยล์ประเด็นสำคัญ



ไม่ได้ตั้งตัวจริงๆ กับประเด็นเรื่องนางเอกเคยถูกข่มขืน ถึงรู้ก่อนเราก็จะยังอ่านเรื่องนี้อยู่ดีแหละ แต่จะได้เตรียมใจให้เรียบร้อย ไม่ตกแอ้กมาเจ็บแบบนี้ ประเด็นนี้มันเครียดและหนักหัวเรามากจริงๆ นะ เคยอ่านสัมภาษณ์นักกิจกรรมทางสังคม เขาบอกว่า เราอยู่ในสังคมที่มีความรุนแรงทางเพศสูง ไม่ต้องพูดถึงสถิติตัวเลขด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่ผู้หญิงทั่วไปที่ไม่เคยเจอภัยคุกคามกับตัวเลยสักนิด ก็ยังรู้สึกเสี่ยงและกังวลกับภัยด้านนี้กันทั้งนั้น จากข่าวคราวรอบตัว แปลว่าสังคมมันแย่จริงๆ เราก็ว่าจริงมากๆ เลย ดูซิ ฉันนอนอ่านนิยายอยู่เฉยๆ ยังไม่สบายใจกับเรื่องได้ขนาดนี้เลย

ประเด็นอดีตเครียดของนางเอกไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เราไม่ชอบเรื่องนี้เท่าที่ควร แต่เรื่องของเรื่องก็คือเราคิดว่า แดฟนีไม่ดีพอสำหรับคาสเซิลฟอร์ดต่างหาก อ่านเล่มนี้แล้วเรารู้สึกเหมือนตอนที่เราอ่าน Slightly Dangerous ของ Mary Balogh ที่เราชอบวูล์ฟริคมากๆ มาจากเล่มก่อนๆ ของซีรีส์ แต่พอถึงเล่มของเขาเอง นางเอกของวูล์ฟริคธรรมดามากๆ (ดูสิ ชื่อยังจำไม่ได้เลย) เรื่องนั้นทั้งเรื่องอยู่ในระดับที่เราชอบ 8.5 เพราะพระเอกคนเดียวเลย จนจบเรื่องที่เราคิดกับนางเอกก็คือแค่ว่า ยังไงเธอก็เป็นคนที่วูล์ฟริครัก เราถึงเชียร์ให้เขาสมหวัง คงประมาณเหมือนแม่ที่ไม่ได้ชอบหน้าลูกสะใภ้มากหรอก แต่อยากเห็นลูกตัวเองมีความสุข เขารักใครชอบใครก็ต้องเอาใจช่วย

แต่ Dangerous in Diamonds แย่กว่านั้น ทั้งเรื่องเหมือนคาสเซิลฟอร์ดแบกรับบทบาทที่จะทำให้คนอ่านชอบอยู่คนเดียว แดฟนีไม่ช่วยอะไรเลย ไม่มีบทตรงไหนที่ทำให้เราชอบเธอเลย แถมยังติดลบด้วย อ่ะ พอพูดอย่างนี้ปุ๊บ นางมารที่ชอบประชดประชันในใจเราก็แหย่ทันที อคติล่ะสิ นางเอกไม่เวอร์จิ้นปุ๊บ ก็ไม่ชอบทันที แต่นางฟ้าช่างมีเหตุมีผลในใจของเราก็แก้ตัวเป็นพัลวันทันที เฮ้ย ไม่ใช่นะ เพราะทีเรื่อง Indiscreet ของ Mary Balogh อีกเช่นกัน นางเอกเคยมีประสบการณ์เลวร้ายเหมือนแดฟนีเปี๊ยบเลยนะ เรื่องนั้นเรายังชอบเลย (แต่เราก็ไม่ชอบ Secrets of the Heart เอาซะเลยเหมือนกัน) ในกรณีแบบนี้ ผู้หญิงไม่ใช่ฝ่ายผิด ถึงจะไม่ชอบอ่านเพราะจะทำให้ไม่สบายใจ แต่ไม่ได้เอาประเด็นนี้มาเกี่ยงงอนกับนางเอกแน่ๆ

เรานึกไม่ค่อยออกว่าคาสเซิลฟอร์ดเห็นอะไรในตัวแดฟนีนอกจากสวย ที่คาสเซิลฟอร์ดกลับตัวเลิกสำมะเลเทเมา ก็เหมือนเขาเลิกของเขาเองมากกว่า ไม่ได้เกิดจากการอยากกลับตัวกลับใจเพื่อความรัก (ว่าแต่เลิกเหล้าง่ายจังแฮะ เราติดน้ำอัดลมอยากเลิกตั้งหลายที ยังเลิกไม่ได้เลย) แค่ผู้หญิงเล่นตัวนิดหน่อย จริงๆ ถ้าผู้ชายไม่ยั้งเอง ก็ไม่รอดด้วยซ้ำ เหมือนจะง่ายไปนิดด้วยสำหรับผู้หญิงที่เคยผ่านความหลังเลวร้ายมา จุดสำคัญที่ทำให้เราไม่ปลื้มแดฟนีคือ เธอไม่เคยพูดตรงๆ กับคาสเซิลฟอร์ดเลย ให้คาสเซิลฟอร์ดต้องพยายามเข้าใจเธอเอาเองตลอด โชคดีที่พระเอกฉลาดนะนี่ รู้เรื่องเองและเข้าใจยอมรับเองได้ จนจบเรื่องแดฟนีก็ไม่เคยบอกเลยว่ามีแผนจะทำอะไร แล้วยังจะเรื่องสำคัญตอนท้ายเล่มอีก เราว่าเอาเวลาที่เล่นเซ็กส์เกมยอมถูกมัดคือเชื่อใจอะไรนี่ มาพูดเปิดใจกันตรงๆ ดีกว่ามั้ย ไม่รู้สิ แต่คนที่นอนด้วยกันแล้วไม่คุยกัน เหมือนมันเป็นความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย

ที่จริงเรื่องนี้ไม่แย่นะ แต่น่าเสียดายที่มันทำให้เราชอบมากกว่านี้ไม่ได้ ถึงเราจะชอบคาสเซิลฟอร์ดมากๆ และกด Like ให้กับบทบาทพระเอกของเขาในเล่มนี้ แต่คาสเซิลฟอร์ดคนเดียวแบกเรื่องไปไม่รอด เพราะโดนแดฟนีถ่วงน้ำหนักมากไป บทสรุปของซีรีส์นี้จึงลงเอยแบบที่ทำให้เราเสียความรู้สึกพอสมควร กลายเป็นภาพรวมจบไม่ค่อยสวยนัก เราคงไม่ค่อยชอบสไตล์นางเอกของ Madeline Hunter เท่าไหร่มั้ง ทั้งซีรีส์เราชอบออเดรียนน่าคนเดียว เรื่องอื่นๆ ของเธอที่เคยอ่าน ถ้าชอบก็มักจะชอบที่พระเอกมากกว่านางเอก

อีกอย่างที่ไม่ชอบคือบทสรุปของตัวร้าย เหมือนจะไม่สาสมเลย แต่ประเด็นนี้มันก็ทำให้ต้องคิดหนักอีก ที่เรารู้สึกขัดแย้งสับสนคือ ถ้าเราเรียกร้องให้ลงโทษหนักๆ ในทางสะท้อนกลับ คือ เรามองว่านี่เป็นสิ่งร้ายแรงมากใช่มั้ย มันจะเป็นการซ้ำเติมพวกผู้เคราะห์ร้ายรึเปล่า มันคงรู้สึกสวนทางกัน ถ้าเราอยากบอกผู้ถูกกระทำว่า ไม่เป็นไรๆ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องฆ่าตัวตายแบบหนังจีน ทำใจเถอะ แต่จะไปเรียกร้องให้ลงโทษผู้กระทำหนักขึ้น ไอ้ชั่วมันสมควรตาย มันแย้งกันมั้ย หรือไม่แย้งหรอกคนละส่วนกัน แล้วการแสดงความสงสารเหยื่อมากๆ เขาต้องการรึเปล่า จะทำให้การเยียวยาจิตใจยากขึ้นมั้ย เหยื่อไม่กล้าแจ้งความ เพราะกลัวอายมากกว่า คนชั่วก็ยิ่งลอยนวล แต่ถ้าเปิดเผยเพื่อเอาเรื่อง แน่ใจได้ไงว่า สายตาสงสารจากสังคมที่อาจจะติดไปนานชั่วชีวิตมันจะไม่ยิ่งเลวร้ายกว่า เราไม่รู้จริงๆ ว่ากับประเด็นแบบนี้ควรจะคิดยังไง ตกลงใจกับปัญหาเชิงจริยธรรมแบบนี้ไม่ได้ อะไรที่มันหาแห่งที่ของตัวเองในสมองไม่เจอ ขวางอยู่กลางมันก็เลยเป็นประเด็นรบกวนใจ โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น