วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Millennium Trilogy The Movies


เรากำลังอยู่ในอาการคลั่งไคล้หนังสือชุด Millennium Trilogy มากๆ สุดสัปดาห์นี้กลับบ้าน ก็อุตส่าห์ดั้นด้นไปดูหนังที่เฮ้าส์ อาร์ซีเอ โรงภาพยนตร์เดียวในประเทศไทยที่ฉายเรื่องนี้ ตอนนี้ยังมีฉายอยู่ทั้งภาค 1 และ 2 พร้อมกัน ขอออกตัวก่อนว่า นี่ไม่ใช่การรีวิวหนังแบบทั่วไป เพราะเนื่องจากเราไปดูหนังในฐานะที่มันเป็น adaptation จากหนังสือ มุมมองของเราจึงเป็นการดูเพื่อเปรียบเทียบกับหนังสือ ว่าเป็นยังไงบ้าง

เตือนสปอยล์

ภาพยนตร์ไตรภาค Millennium ฉบับออริจินอลสวีเดน นำแสดงโดย Michael Nyqvist ผู้รับบท มิเกล บลูมควิสต์ (สะกด Blomqvist จากเสียงในหนัง ฟังเหมือนกึ่งๆ ระหว่างเสียง โบลมควิสต์ กับ บลูมควิสต์) และ Noomi Rapace รับบท ลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ เริ่มต้นที่ภาคปฐมบท The Girl With The Dragon Tattoo เนื้อเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดปลีกย่อยจากหนังสือบ้าง เพราะต้องรวบรัดย่นย่อเรื่องให้เหมาะสมกับเวลา หนังแต่ละภาคยาวประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที แต่ก็ถือว่ารักษาประเด็นหลักของเนื้อเรื่องไว้ได้ดี แต่เราติดใจนิดหนึ่งว่า ตอนที่ลิสเบ็ธไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล แล้วบอกว่าไม่เคยมาหาเลย ทั้งๆ ที่ในหนังสือไปเยี่ยมหลายที มันทำให้ลิสเบ็ธดูไม่มีน้ำใจ แล้วสิ่งที่แม่พูด กับความฝันของลิสเบ็ธตอนเด็ก เอามาใส่ไว้ตั้งแต่ในหนังภาค 1 แต่ความจริงมันเป็นเนื้อเรื่องในส่วนของเล่ม 2 ทำให้เรารู้สึกว่ามันสปอยล์ภาค 2 มากไป แต่โดยรวมๆ โอเคมากๆ

The Girl Who Played With Fire น่าจะเป็นภาคที่ดัดแปลงมาเป็นภาพยนตร์ได้สนุกที่สุด เพราะแอกชั่นเยอะอยู่แล้วตามหนังสือ แต่เนื้อเรื่องถูกตัดไปเยอะอยู่เหมือนกัน และรายละเอียดปลีกย่อยหายไป จนเราไม่แน่ใจว่า คนที่ดูแต่หนัง ไม่ได้อ่านหนังสือ จะติดตามเนื้อเรื่องได้เข้าใจ เข้าถึงการกระทำของตัวละครรึเปล่า แต่ก็สนุกมากๆ ล่ะ ข้อดีของหนังในด้านการดำเนินเรื่องก็คือ เลือกมาแต่เนื้อๆ ของโครงเรื่องหลัก ก็เลยไม่มีช่วงยืดเยื้อน่าเบื่อเลย

หนังได้เรต R เพราะฉากความรุนแรง ฆาตกรรม ฉากข่มขืน เซ็กส์ซีนเห็นหน้าอก แต่เราคิดว่า มันก็ยังไม่ได้มากเกินไป ถือว่านำเสนอได้เหมาะกับโทนของเรื่องพอดี

The Girl Who Kicked The Hornet's Nest เป็นภาคที่เรารู้สึกว่า สร้างมาด้อยที่สุด เหมือนเขียนบทภาพยนตร์ไม่ดีเท่าไหร่ (หรือไม่ก็เพราะใจร้อนโหลดบิทมาดูก่อน เพราะหนังยังไม่เข้าโรง แต่เดี๋ยวพอหนังเข้าจะไปดูอีกรอบ) ส่วนหนึ่งเพราะรายละเอียดในหนังสือภาคนี้จะเยอะมากๆ ทั้งตัวละครและเหตุการณ์ เจอรวบรัดตัดความเข้าไป ทำให้รู้สึกว่า อะไรวะ นี่ก็ไม่มี นั่นก็ไม่มี แล้วไอ้นี่มันใคร ถ้าฉันไม่อ่านหนังสือมาก่อน ฉันจะดูรู้เรื่องมั้ย ฉากการพิจารณาคดี มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง ในหนังสือ ฝ่ายพระเอกจะเป็นฝ่ายวางกับดัก ขุดหลุมล่อหน่วยลับกับอัยการไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในหนัง เพิ่งจะมาได้หลักฐานทีหลัง ไม่เท่เลย แล้วอย่างการที่ลิสเบ็ธแต่งตัวสุดพังค์ตอนศาลพิจารณาคดี ก็ไม่อธิบายว่าทำไม ทั้งๆ ที่มันเป็นส่วนหนึ่งของกับดักที่ล่อให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจแท้ๆ

ในส่วนของนักแสดง ผู้รับบทมิเกล ตอนแรกดูจากตัวอย่างหนัง รู้สึกว่าแก่ไป อ้วนด้วย เพราะจากที่อ่าน เห็นผู้หญิงไม่รู้กี่คนต่อกี่คนถลาใส่เขาโดยแทบไม่ต้องกระดิกนิ้ว ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ดูดีกว่านี้หน่อย แต่พอดูในเรื่อง ก็ดูมีเสน่ห์ดีนะ โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือตอนขยิบตาให้

ส่วนนูมี่ ราเพซ ผู้รับบทลิสเบ็ธ อันที่จริงรูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนภาพในใจเราเท่าไหร่ คือ เวลาอ่าน เราจะจินตนาการตัวละครตามที่หนังสือบรรยายเป็นภาพแบบเบลอๆ ไว้ในหัว เราหลงรักลิสเบ็ธมาก จนเวลานึกถึงตัวละครตัวนี้ เราไม่ค่อยอยากให้หน้าคนจริงๆ โผล่มาซ้อนทับในใจเรา แต่ราเพซก็ได้รับคำชื่นชมมากจากบทบาทการแสดงในหนังชุดนี้ นูมี่ ราเพซ ในบทลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ เธอใช้เวลาเตรียมตัวแสดง 7 เดือน ลดน้ำหนัก หัดคิกบ็อกซิ่ง จากที่อ่านตามรีวิว มีแต่แฟนๆ บอกว่า นี่แหละ ใช่เลยทั้งนั้น เธอได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากบทนี้ด้วย ซึ่งเราเห็นด้วยนะว่าแสดงดี ตีบทแตก ถ้าคุณสังเกต จะเห็นว่าลิสเบ็ธในหนัง บางทีท่าเดินจะดูเก้งก้างขัดตาบ้างใช่มั้ย ถ้าอ่านในหนังสือ จะรู้ว่ามีหมอตั้งข้อสังเกตว่า ลิสเบ็ธอาจมีอาการของ Asperger Syndrome เช็คจาก wiki ได้ความว่า คล้ายๆ เป็นออทิสติกแบบหนึ่ง คนที่เป็น นอกจากจะมีปัญหาเรื่องการรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น เข้าสังคมยาก เพราะสื่อสารความรู้สึกของตัวเองไม่ได้แล้ว จะมีปัญหาเรื่องการควบคุม co-ordinate ของร่างกาย ถึงแม้ว่าในหนังสือและภาพยนตร์จะไม่อธิบายเรื่องพวกนี้ไว้ แต่ตอนเราดู นึกถึงบทความ wiki ที่ไปอ่านมา ก็พยักหน้าหงึกๆ เลย แล้วเวลาลิสเบ็ธพูดเรื่องส่วนตัว ก็จะกระอึกกระอักตามอาการที่ว่าเป๊ะ ใส่ใจรายละเอียดของตัวละครดี ปรบมือให้นักแสดง (และ/หรือผู้กำกับ) เยี่ยมมาก

แคสติ้งตัวละครคนอื่นๆ ก็ดีหมด แฮเรียตนี่สวยจัง เอริก้า ใช่ นีเดอร์มานน์ นี่ก็ใช่เลย แต่ซาลาเชงโก้ ผิดคาดนิดหน่อย ไม่ค่อยมีมาดเลย แต่โดยรวม ในด้านการคัดตัวนักแสดงนี่ หนังทำได้ดีมาก

แล้วก็มาพูดถึงสิ่งที่หนังทำไม่ได้อย่างในหนังสือบ้าง อันนี้มันก็เป็นข้อจำกัดของภาพยนตร์ล่ะนะ ดูแล้ว เราเห็นแต่แอกชั่น แต่เราไม่รู้เรื่องราวและความคิดของตัวละครเลย ในหนังเราไม่เห็นความเป็นอัจฉริยะของลิสเบ็ธ เราไม่รู้ว่าลิสเบ็ธอกหักจากมิเกลยังไง ถ้าไม่เข้าใจตัวละคร ดูหนังแล้วจะรู้หรือว่า ทำไมเธอถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องทำอย่างนั้น เราเป็นห่วงว่า คนที่ดูแต่หนัง จะไม่เห็นถึงความพิเศษของหนังสือชุดนี้ ไม่รู้เป็นเพราะในส่วนของหนังภาค 2 กับภาค 3 ตอนแรกถูกวางแผนจะสร้างเป็นแค่ทีวีซีรีส์รึเปล่า (แต่หนังภาค 1 เกิดดัง เลยตัดมาทำเป็นหนังใหญ่) ก็เลยดูบทหนังไม่เนียนเท่าไหร่

ตอนนี้ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูไม่ได้อ่าน Millennium Trilogy เราก็พยายามป่าวประกาศกับคนรอบตัวเรา ชวนว่าไปดูหนังก่อน ถ้าดูแล้วชอบก็อ่านหนังสือซะ ถ้าไม่ชอบ ก็มาอ่านหนังสือเถอะ อ่านเล่มแรกแล้วยังไม่ชอบก็อย่าเพิ่งหยุดด้วย อ่านให้ถึงเล่มสองก่อน เชียร์สุดใจเลย

1 ความคิดเห็น:

May กล่าวว่า...

หวัดดีค่ะ

พอดีมีเพื่อนชี้ทางมาบลอกนี้ค่ะ ยังงงว่า ไม่เจอเองได้ยังไง อ่านไปหลายรีวิวแล้วล่ะค่ะ เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ดีใจที่มีคนเขียนรีวิวหนังสือภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยให้อ่านกัน

เราเป็นแฟนหนังสือแนวโรแมนซ์เหมือนกันนะคะ

อ้อ เราชอบชุด millennium ด้วยคนนะคะ เป็นหนังสือที่หนามาก ตอนแรกไม่คิดว่า จะอดทนอ่านจนจบได้ครบสามเล่ม แต่พอจบแล้วก็เสียใจที่ไม่มีให้อ่านต่อแล้ว (อย่างน้อยก็ที่เขียนโดยนักเขียนตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่คนเขียนแทน) แต่เรายังไม่ได็ดูหนังค่ะ

แสดงความคิดเห็น