วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

City of Bones - Cassandra Clare

คะแนน : 6.5

ตอนแรกก็สองจิตสองใจอยู่ว่าจะอ่านเรื่องนี้ดีรึเปล่า รู้สึกตัวเองไม่ค่อยถูกกับแนว Paranormal หรือ Urban Fantasy เท่าไหร่ แต่ใน 10 อันดับ Best Series ที่โหวตกันใน Goodreads.com เหลือเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ยังไม่ได้อ่าน ก็ลองซะหน่อยก็ได้ ไม่ลองไม่รู้

City of Bones เป็นเล่มแรกในชุด The Mortal Instruments เรื่องราวของ แคลรีย์ เด็กสาวอายุ 16 ปี ที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กยุคปัจจุบัน คืนหนึ่งในคลับเธอได้พบกับกลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวประหลาด ที่บอกว่า พวกเขาคือ ชาโดว์ฮันเตอร์ นักล่าปิศาจ และในวันถัดมา แม่ของเธอก็ถูกจับตัวไป จู่ๆ แคลรีย์ก็ได้รับรู้ว่า สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่อยู่ในตำนานต่างๆ มีอยู่จริงเกือบทั้งนั้น และแม่ของเธอมีความเป็นมาลึกลับซับซ้อนเกินกว่าที่คิดไว้มาก

เพราะรู้ตัวว่าไม่ใช่แนวโปรด ช่วงแรกก็พยายามอดทน แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่เวิร์กอยู่ดี เข้าใจว่าบางทีการเริ่มต้นเรื่องมันอาจต้องอาศัยเวลาในการบิลท์บรรยากาศ แนะนำความเป็นไปในโลกของนิยายให้รู้ก่อน แต่ช่วงแรกมันน่าเบื่อมากจริงๆ นะ ยิ่งเราเอาเรื่องนี้มาอ่านต่อจาก The Underland Chronicles ซึ่งเราไม่เห็นว่า Suzanne Collins จะต้องใช้เวลาอะไรมากมายในการดึงคนอ่านให้อินกับเรื่อง ก็ยิ่งทำให้คิดว่า เรื่องนี้ยังทำได้ไม่ดีพอ เนื้อหาไม่ค่อยมี มีแต่คุยไปคุยมา ค่อยๆ ได้ฟังเรื่องราวไปเรื่อยๆ เหมือนฟังตัวละครคนอื่นๆ เล่าเรื่องความเป็นมาให้ตัวเอกฟังอีกที ไม่ได้ดึงให้คนอ่านเจอเอง ฉากแอกชั่นน้อยมาก มีแต่ฉากนั่งคุยเวลาเจอพวกเดียวกัน กับยืนคุยเวลาเจอศัตรู แล้วบทสนทนาของตัวละครในเรื่องนี้ห่วยแตกมาก อ่านแล้วขัดๆ ไม่ธรรมชาติ อย่างบางทีก็จะมีคำพูดที่ฟังแล้วไม่เข้ากับสถานการณ์เท่าไหร่ แล้วตัวละครก็บอกมาเองว่า คำพูดตะกี๊ quote มาจากเรื่องอื่น ศัพท์ที่พูดก็ไม่เหมือนคำที่คนธรรมดาใช้ เหมือนเปิด dictionary เขียน

เห็นบอกว่า Cassandra Clare เริ่มต้นงานเขียนมาจากการเขียน fanfic ของ Harry Potter เมื่อสิบปีก่อน สไตล์ของเธอมันเลยออกมาแนวนี้รึเปล่า คือยอมรับตรงๆ ว่า ไม่ชอบอ่าน fanfic หรือพวกนิยายออนไลน์ เพราะสมัยก่อนที่เคยเห็น หลายเรื่องมันชอบเป็นเรื่องที่มีแต่ประโยคที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูด ไม่ค่อยบรรยายเหตุการณ์ มีแต่บทสนทนา เหมือนเอาคำแชตออนไลน์ของสองคนมาให้อ่าน เราเป็นนักอ่านยุคเก่า เลยไม่ชอบอ่านแบบนั้น จริงๆ นิยายออนไลน์มันคงมีเรื่องดีๆ หลายเรื่องแหละ แต่ไม่อยากควานหาเอง นี่ขนาดเลือกแต่เรื่องดังๆ ที่ได้โหวตดีๆ มาอ่านนะ ยังเป็นแบบนี้เลย

ส่วนตัวละครก็ จะหยาบคายไปมั้ย ถ้าบอกว่า เรื่องนี้มีแต่ b**** กับ jerk ยกตัวอย่างฉากนึงแล้วกัน เจซช่วยแคลรีย์หนีปิศาจออกจากบ้าน ด้วยการวาดสัญลักษณ์รูนที่ตัวแคลรีย์ พออาจารย์รู้ก็ดุเจซว่ามันเสี่ยงมากนะ เจซบอกเขาแน่ใจ 90% ว่ามันได้ผล แคลรีย์ก็เลยตบเจซ เพราะ 10% ที่เหลือ แล้วไม่ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตซะหน่อยเลยเหรอ นี่เรื่องเดียวยังมีมากกว่านี้อีกเยอะ ส่วนเจซก็ปากสุนัขมาก พูดจางี่เง่าตลอด ตัวละครอื่นทุกตัวก็ไม่มีใครที่เรารู้สึกว่าดี กว่าที่ตัวเอกสองคนนี้จะเริ่มทำตัวหายน่ารำคาญ ก็ปาเข้าไปเกิน 2/3 เรื่องแล้ว จนไม่แน่ใจว่า มันช้าไปรึเปล่าที่จะทำให้กลับลำมาเชียร์ได้

เนื้อเรื่องไม่มีอะไรแปลกใหม่ โลกในเรื่อง รวมมาทุกเผ่าเลยมั้ง ฮันเตอร์ วอร์ล็อค แฟรี่ แวร์วูลฟ แวมไพร์ ฯลฯ เหมือนเปิดคู่มือตำนานทั่วโลก แล้วใส่ชื่อพวกนั้นมา แต่ละพันธุ์ยังไม่มีบทจริงจังมากเท่าไหร่ ประเด็นหลักๆ ของเรื่องอยู่ที่ความขัดแย้งของพวกชาโดว์ฮันเตอร์ด้วยกันเอง เรื่องมันน่าเบื่อมากจนเกือบจะจบเรื่อง มามีดราม่าช่วงท้ายๆ ซึ่งก็สนุกขึ้นหน่อยแหละ แต่ไม่อยากบอกเลยว่า เดาเนื้อเรื่องสำคัญที่เฉลยท้ายเล่มได้หมดตั้งแต่กลางเรื่อง ตอนที่ได้ยินว่า แม่ของแคลรีย์เคยแต่งงานกับนายคนนั้น แค่นั้นก็รู้เรื่องหมดแล้วล่ะ แม้แต่เรื่องเจซก็รู้ จากตอนที่หมอดูทำนาย ไม่เห็นจะเซอร์ไพรส์เลยสักนิด

เดี๋ยวเล่มถัดๆ ไปมันอาจจะมีดีกว่านี้รึเปล่า ถ้ามีแค่นี้มันไม่น่าโหวตได้อันดับ 7 มาใช่มั้ย อย่างน้อยจะลองอ่านให้จบไตรภาคแรกก่อน แต่ถ้ามันไม่โดนจริงๆ ต่อไปต้องยอมรับความจริง ลาขาดพวก Urban Fantasy

4 ความคิดเห็น:

pratrinity กล่าวว่า...

อ่านแบบแปลไทยหนักกว่านี้อีกครับ

Nas กล่าวว่า...

ไม่ได้ซื้อแบบแปลไทยเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไงน่ะค่ะ แต่เรื่องชุดนี้นี่ ชอบอย่างเดียวคือปกสวย นอกนั้นก็ไม่โดนเลยสักอย่างค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

อยากบอกว่าเป็นเรื่องเดียวที่ดูหนังแล้วรู้สึกว่าทำได้ดีกว่าหนังสือ ยิ่งแปลไทยนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ จริงๆแล้วหลังดูหนังจบเรารีบไปหาหนังสือมาอ่านทันทีด้วยความเชื่อที่ว่า หนังโอเคขนาดนี้หนังสือมันต้องดีกว่านี้สิ .... แล้วก็พบกับความผิดหวัง 5555555

Unknown กล่าวว่า...

ตอนแรกว่าจะไปซื้อหนังสือมาอ่าน คิดว่าน่าจะสนุกกว่าในหนัง ตอนนี้คิดว่าไม่ละ.......

แสดงความคิดเห็น