วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

11/22/63 - Stephen King

คะแนน : 8.5

คงไม่ต้องช่วยเชียร์เยอะ เพราะชื่อ สตีเว่น คิง บนปก ก็รับประกันได้ในตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณชอบอ่านแนว action thriller แล้วคิดว่าคำพูดของเราพอจะเชื่อได้บ้าง ก็อยากบอกว่า ใครที่ยังไม่ได้อ่าน รีบๆ ปิดโพสต์นี้ แล้วไปหาเล่มนี้มาอ่านเถอะค่ะ มันส์โคตรๆ

แต่ถ้าฟังแค่นี้ยังตัดสินใจไม่ได้ เราจะพยายามโน้มน้าวใจคุณๆ ต่อ จะได้มีแนวร่วมคนที่ชอบเหมือนกันเยอะๆ แต่ก็อาจจะเขียนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันเลยมาเกือบสองวันแล้ว แต่คืนนั้นอ่านจบก็ง่วงแล้ว เมื่อวานกลับจากเที่ยว นอนดูหนัง แล้วดูลิเวอร์พูลต่อ ก็หมดวันอีก ถ้าเขียนบล็อกตอนเพิ่งอ่านจบ อะดรีนาลีนที่เกิดจากการอ่านเรื่องนี้ยังพล่านทั่วตัว คงจะจูงใจได้มากกว่านี้

วันที่ 22 เดือน 11 ปี 1963 คือวันที่ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ถูกลอบยิงเสียชีวิต แต่ถ้าวันนั้นเขาไม่ตาย ประวัติศาสตร์โลกก็อาจจะพลิกโฉมไป ปัจจุบันที่เรารู้จักก็อาจไม่ใช่เช่นนี้ นิยายเล่มนี้คือเรื่องราวของชายหนุ่มชื่อ เจค เอปปิ้ง ครูสอนภาษาอังกฤษธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในต้นทศวรรษที่ 2 ของศตวรรษที่ 21 (ก็ปี 2011 นั่นแหละ ในหนังสือเรียกให้มันเท่ๆ ว่างี้) เขาได้ย้อนเวลากลับไปสู่อดีต พร้อมกับคำขอร้องให้เขาช่วยหยุดยั้งการลอบสังหาร JFK ฮ่าฮ่า บอกโครงเรื่องแค่นี้ก็คงพอ เพราะเราก็รู้แค่นี้แหละตอนก่อนอ่าน ดูชื่อคนแต่ง เห็นพล็อต เห็นดาวอเมซอน กับรู้ว่าไม่ใช่แนวสยองขวัญ ก็อยากอ่านแล้ว เชื่อใจคนขับแล้วก็กระโจนขึ้นรถเลย

สนุกมากตั้งแต่เริ่ม บทแรกก็ทำเราติดแล้ว แนะนำตัวพระเอก แล้วก็เริ่มลุยเลย ไอเดียการย้อนเวลาทำได้น่าสนใจมากๆ ช่วงต้น 1/3 เรื่อง เต็มไปด้วยแอกชั่น ระทึกมาก เหมือนนั่งรถที่โชเฟอร์ขับซิ่ง มียางแตกแหกโค้งอีกต่างหาก คนอ่านก็นั่งเกาะเบาะตัวเกร็ง ลุ้นดี พอเข้าช่วงกลางเรื่อง คนขับเริ่มผ่อนคันเร่ง พระเอกเริ่มปรับตัวกับการใช้ชีวิตในยุคอดีต ไปเป็นครูโรงเรียนมัธยม และได้พบหญิงสาวคนหนึ่ง เนื้อเรื่องช่วงนี้ยาวมากทีเดียว ถึงจะไม่มีแอกชั่นเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนเขียนจะปล่อยให้เรานั่งชมวิวสบายๆ จนอาจเผลอหลับ มีการเบรกให้คนอ่านหัวทิ่ม กระตุกอารมณ์ลุ้นกันเป็นระยะๆ

เราไม่เบื่อกับเหตุการณ์ชีวิตช่วงตรงกลางเลย เราคิดว่ามันเป็นการทำให้ตัวละครมีเลือดเนื้อ ตัวหนังสือของ สตีเว่น คิง มีพลัง บางครั้งอ่านไปน้ำตาเปื้อนแก้มไม่รู้ตัว ตอนไหนก็จำไม่ได้ ไม่ใช่ฉากสำคัญอะไร แต่มัน moved อีกอย่าง เราชอบเรื่องราวความรักในเล่มนี้ ตอนอ่านสุภาษิตญี่ปุ่นตอนเปิดเรื่อง ก็งงนะว่าเกี่ยวอะไร แต่พอถึงเนื้อเรื่องตอนนั้นซึ้งมากเลย ถ้าไม่มีเรื่องราวพวกนั้น มันก็เหมือนพระเอกฮีโร่ธรรมดา ย้อนมาช่วยแก้ไขเหตุการณ์ เสร็จจบก็ไป ถ้าทำไม่สำเร็จก็แล้วไง แต่พอแต่งเรื่องให้เจคมีความผูกพันกับอดีต ก็เหมือนการเพิ่มเดิมพันให้ตัวละคร สถานการณ์ของพระเอกก็จะถูกบีบคั้นขึ้นว่าต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ตอนอ่านก็จะยิ่งอิน ยิ่งเชียร์ แล้วจะยิ่งเจ็บปวดใจแทนพระเอกกับการตัดสินใจครั้งสุดท้ายตอนจบเรื่องของเขา

ช่วงท้ายเรื่อง เข้าสู่ฉากแอกชั่นยาวเหยียด วันที่ 11/22/63 เนื้อเรื่องสปีดสุดชีวิต แทบหายใจหายคอไม่ทัน แปลกนะทั้งที่มันเป็นเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ที่เราควรจะรู้ตอนจบดีอยู่แล้วใช่ไหม แต่กลับเดาทางไม่ได้เลยว่าจะจบยังไง มีความเป็นไปได้นานัปการ ตอนจบสุดท้ายเป็นแนว sci-fi เต็มที่ จักรวาลสตริง พอถึงบทสุดท้ายของเรื่อง เราคงพูดได้แค่ว่า ในเมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้ จบแบบนี้ก็คงเป็นฉากจบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้แล้ว อ่านจบแล้วคิดว่า เวลาทุกนาทีที่เราใช้อ่านทุกตัวอักษรของนิยาย 849 หน้าเล่มนี้ คุ้มค่ามาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น