วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

The Hunger Games Trilogy


ยังอยู่ในอารมณ์อินกับหนังสือชุด The Hunger Games ก็เลยใช้เวลานั่งท่องเน็ต หาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วก็รู้สึกว่า จากโพสต์ก่อนๆ ยังเล่าความรู้สึกของเราเกี่ยวกับหนังสือชุดนี้ไม่หมด เพราะฉะนั้นคิดว่า สมควรจะเขียนถึงอีกสักครั้ง ลองไล่ดูในเน็ต อยากอ่านพวกความคิดเห็น อยากฟังว่า คนอื่นคิดยังไงกับหนังสือที่เราชอบมากๆ ชุดนี้บ้าง ในเมืองไทย ทำไมไม่มีใครพูดถึงฮังเกอร์เกมส์สักเท่าไหร่เลยเนี่ย มีคนเขียนถึงอยู่ไม่กี่คน เศร้าจัง ทั้งๆ ที่ในเว็บเมืองนอก เรื่องนี้มีคนพูดถึงกันเยอะมาก แบบเรื่อง Twilight เลย

ที่เว็บบอร์ดเมืองนอก คนชอบเปรียบเทียบ Twilight กับ Hunger Games ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ความจริงสองเรื่องนี้ไม่เหมือนกันเลย ทั้งแนวเรื่อง พล็อตเรื่อง อารมณ์ เหมือนอย่างเดียวคือนักอ่านเป็นกลุ่มเดียวกันมั้ง เค้าเลยชอบพูดอ้างอิงกัน เราก็ไม่อยากเปรียบเทียบสองเรื่องนี้เท่าไหร่ มันก็ดีทั้งคู่ แต่ถ้าในความรู้สึกก็ชอบฮังเกอร์เกมส์มากกว่า ตัวละครมีมิติมากกว่า จริงๆ ไม่ค่อยอยากสรุปแบบนี้นะ เดี๋ยวโดนหาว่าเป็นหน้าม้าสำนักพิมพ์ซะอีก คือเคยนานมาแล้วแหละ ไม่เกี่ยวกับ สนพ. ของสองเรื่องนี้หรอก เราโพสต์ในบอร์ดสาธารณะ ชมเรื่องหนึ่ง ติเรื่องหนึ่ง บอกว่าสู้อีกเรื่องไม่ได้ เจอจิกว่าเป็นคน สนพ. คู่แข่งเฉยเลย พอปฏิเสธว่าไม่ใช่ ไม่ได้ทำงานวงการหนังสือ ไม่มีญาติโกโหติกาอยู่สำนักพิมพ์ที่ไหนทั้งสิ้น เค้าก็ยังบอกไม่เชื่ออีก เออ เป็นนักอ่านเมืองไทย แสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้เลยหรือไง ต้องถูกมองว่ามีเจตนาแอบแฝง ^_^; แต่วงการหนังสือต่างประเทศเค้าใจกว้างดีนะ เพราะ The Hunger Games ได้รับคำชมหราบนหน้าปกจาก Stephen King และ Stephenie Meyer เองเลย

จากโครงเรื่อง The Hunger Games ที่บอกว่า จับเด็กมาแข่งฆ่ากัน บางคนฟังปุ๊บ บอกว่าเหมือนนิยาย/การ์ตูน/หนังญี่ปุ่นเรื่อง Battle Royale ปั๊ป ฟังเผินๆ อาจจะเหมือน แต่เราว่า มันคนละอารมณ์กันนะ รายละเอียดต่างกันลิบลับเลย BR รุนแรงมาก รับไม่ค่อยไหว จริงอยู่ The Hunger Games อาจไม่ใช่ไอเดียที่แหวกแนวแบบไม่เคยมีมาก่อน ผู้แต่งบอกว่า มันมีที่มาจาก รีอัลลิตี้โชว์ + สงครามอิรัก + ปกรณัมกรีกเรื่องของวีรบุรุษธีซีอุส ตอนที่เอเธนส์อยู่ใต้อำนาจเกาะครีต และต้องส่งชายหญิงอย่างละ 7 คน ไปเป็นบรรณาการให้มิโนทอร์ฆ่าในเขาวงกต แต่สุดท้ายพอจับไอเดียมารวมกัน ใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป มันก็เป็นเรื่องราวที่สนุก และมีเอกลักษณ์ของตัวเองไม่ซ้ำใคร

เท่าที่อ่านคนรีวิว คนอ่านหนังสือชุดนี้มีทั้งวัยรุ่นแล้วก็ผู้ใหญ่ พอๆ กันเลยมั้ง มีแฟนนักอ่านทั้งผู้หญิงผู้ชาย ตอนนี้คนก็กำลังอยากรอดูหนัง แต่หนังเพิ่งกำลังเตรียมสร้างอยู่เท่านั้น นักแสดงยังไม่ได้ตัวเลย แต่แค่การหาว่าใครจะมารับบทแคทนิสก็สร้างข่าวได้เยอะเหมือนกันนะ แล้วฉบับภาพยนตร์ Suzanne Collins จะเป็นคนเขียนบทเองเลย เพราะจริงๆ เธอเป็นนักเขียนบทละครโทรทัศน์มาก่อนอยู่แล้ว มิน่า ในหนังสือ ถึงมีการแบ่งแต่ละเล่มเป็น 3 องก์ องก์ละ 9 บท แล้วตอนจบแต่ละบท มันถึงจบแบบให้ได้ลุ้นตลอด

ใน Amazon เค้า discussion เรื่องนี้กันสนุกดีนะ ถึงแม้ความเห็นจะแตกต่าง แต่ก็ยกเหตุผลมาโต้ตอบกันดี ใน 3 เล่ม เรื่อง Mockingjay จะได้คะแนนโหวตดาวน้อยที่สุด อันนี้ก็เข้าใจได้นะ เพราะอารมณ์มันไม่เหมือนสองเล่มแรก แต่เราก็คาดว่า เนื้อเรื่องแบบเล่มสามนี่แหละ ที่จะทำให้เราจดจำเรื่องนี้ประทับใจไปอีกนาน เพราะมันเพิ่มระดับของเนื้อเรื่องจาก action ให้มีความลึกเพิ่มขึ้น มีหัวข้อที่แฟนๆ แบ่งข้างเชียร์พีต้ากับเกล เหมือนสมัยเอ็ดเวิร์ดกับเจค็อบเลย ในบรรดาทั้งหมดที่เข้าไปอ่าน เราชอบที่เว็บ Forever Young Adult อ่านแล้วสนุกสุดๆ อ้อ ที่นั่นสปอยล์นะคะ เพราะเค้าอ่านไปเล่าไปทีละ 5-6 บท บอกความรู้สึกเค้าไปตลอด ละเอียดมาก เค้าเขียนดีมาก อ่านสนุก ความคิดความรู้สึกเค้าต่างจากเราเยอะเลย ชอบมากเลยค่ะ อ่านแล้วได้มุมมองใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนตัวเองคิด ฮิฮิ แต่มันมีเรื่องที่เค้า debate กันเรื่องพีต้า vs. เกล ทำให้เราอยากจะพูดความเห็นตัวเองบ้าง ในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับตัวละครคนโปรดของเรา

เนื้อหาต่อไปนี้คือสปอยล์อย่างแรง แบบเฉลยฉากจบ
เตือนซ้ำ!! สปอยล์สุดๆ จริงๆ เกี่ยวพันกับเนื้อหาทั้งเรื่อง ยังไม่อ่านอย่าคลิกนะคะ สำหรับคนที่อ่านแล้วแชร์ความคิดกันเท่านั้น ได้โปรดหยุดฟังคำเตือนนี้



สปอยล์


พีต้า vs. เกล
อันที่จริง เราไม่เคยหวั่นเลยนะว่าแคทนิสจะเลือกเกล เพราะเกลไม่เห็นมีบทเลย กล่าวถึงตอนต้นแต่ละเล่มนิดหน่อย จากนั้นตลอดเรื่องแคทนิสก็อยู่กับพีต้า ถ้ากลัว เรากลัวพีต้าตายมากกว่า แต่ก็เข้าใจคนเชียร์เกลนะ เกลเก่ง และก็เป็นคนดีเหมือนกัน

ที่เว็บนั้น เจ้าของเว็บเชียร์เกล วิจารณ์พีต้าซะเสีย บอกว่า เป็นผู้ชายนิ่ม ถ้าแคทนิสเลือกพีต้า เวลามีอะไรกัน (เค้าใช้คำแอบติดเรตกว่านี้น่ะนะ) พีต้าก็คงคอยถามว่า รู้สึกยังไง เป็นไงมั่ง ผู้หญิงคงจะหมดอารมณ์กันพอดี!! โอ๊ย ตอนอ่านหัวเราะจนจะตกเก้าอี้เลยค่ะ คิดได้ไง กั๊ก กั๊ก ขำกลิ้งเลย ไม่ได้ค่ะ ในฐานะกองเชียร์พีต้า เราต้องแก้ตัวแทน ฮื่อ ตอนแคทนิสจูบกับพีต้าในถ้ำ เล่ม 1 กับที่ชายหาด เล่ม 2 แคทนิสก็หวิวนะ เพราะฉะนั้น มันคงไม่ถึงขนาดอย่างที่ว่าหรอกน่า

พีต้าโดนวิจารณ์ว่า ไม่เก่ง ต้องให้คนอื่นช่วยปกป้องตลอด อ้า อันนี้ยอมรับก็ได้ ก็ลูกชายร้านเบเกอรี่ จะให้สู้เก่งเท่านักล่าสัตว์อย่างเกลกับแคทนิสได้ไง แต่การเอาประเด็นนี้มาบอกว่าพีต้าไม่สมควรคู่แคทนิส มันก็ไม่ยุติธรรมนะ ถ้าผู้หญิงเก่ง แล้วผู้ชายไม่เก่งเท่าก็ไม่ได้ อย่างนี้มันก็ sexism กลับข้างนี่นา

แคทนิสเป็นคนชอบปกป้องคน ดูการที่เธอปกป้องน้องสาวสิ แต่กลับกัน คนที่เธอคอยปกป้องดูแลนั่นแหละ ที่เป็นที่พึ่งพิงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้เธอ นึกถึงความสัมพันธ์ของตัวละครแบบเรื่อง Of Mice and Men สิ เพราะฉะนั้น พีต้าที่สู้ไม่เก่งเนี่ยแหละ ตอบสนองความต้องการทางจิตใจของแคทนิสได้มากกว่าเกล

พีต้าอาจจะไม่เก่ง แต่เขาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุดในสามคนด้วยซ้ำ ไม่เคยเสียหลักการและจุดยืนความเป็นคนดีของตัวเองเลย เขาทำให้แคทนิสเป็นคนที่ดีขึ้น คิดดูตอนจบเล่มหนึ่ง ถ้าไม่ใช่พีต้าเสียสละตัวยืดอกบอกให้แคทนิสลงมือฆ่าตัวเอง แคทนิสจะทำอย่างนั้นแล้วรอดมาได้มั้ย

แคทนิสกับเกลนิสัยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถึงเข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันไปไม่เวิร์กหรอก ทั้งคู่ใช้สมองตัดสินใจ เป็นไงล่ะ แคทนิสไม่ได้ไม่เลือกเกลนะ เกลไม่มาเลยด้วยซ้ำ เพราะรู้ว่า เธอไม่มีวันทำใจรับความผิดทางอ้อมของเขาได้อีกแล้ว แต่ถ้ากลับกัน พีต้าจะไม่มีวันยอมตัดใจละทิ้งแคทนิสเป็นอันขาด ยังไงก็ต้องมาอยู่ข้างๆ ดูแล

ตอนจบ ชีวิตตอนหลังที่แคทนิสลงเอยกับพีต้า อยู่กันเงียบๆ ที่เขต 12 โดนวิจารณ์อีกว่า เห็นมั้ย อยู่กับพีต้าได้ชีวิตห่วยๆ แคทนิสก็ยังคงเจอฝันร้าย กว่าจะกล้ามีลูกก็ต้องรอ 15 ปี ฟังดูไร้สุข ชีวิตเต็มไปด้วยบาดแผล ถ้าคู่เกล ที่ไปรับตำแหน่งสำคัญในการสร้างประเทศยุคใหม่ ชีวิตต้องมีความหมายกว่านี้ ประเด็นนี้เถียงขาดใจค่ะ แคทนิสไม่มีวันมีความสุขกับเกลได้อีกแล้ว ภายหลังการตายของพริมโรส น้องสาวที่เป็นคนเดียวในโลกที่แคทนิสรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ที่เธอเข้าแข่งฮังเกอร์เกมส์ก็เพื่อพริม พอเสียพริมไป แคทนิสก็เหมือนเหลือแค่ซากชีวิต นิสัยแคทนิสเป็นคนแบบไม่อยากรักใครเพราะกลัว ไม่ยอมเป็นเพื่อนกับใครในเกมเพราะกลัวต้องมาฆ่ากันเอง เพราะฉะนั้นถ้าคู่เกลที่นิสัยเด็ดขาดคล้ายกัน แคทนิสจะไม่มีวันเปิดใจให้ใครอีกแล้ว ก็จะเป็นแค่ซากชีวิตอย่างนั้น แต่พีต้าจะเป็นคนเยียวยาแคทนิสจนยอมเปิดใจ พีต้าตื๊อจนแคทนิสยอมใจอ่อนมีลูกได้ แต่เกลไม่มีทาง

ถึงเรื่องจะจบเศร้าๆ ที่ตัวละครตายเยอะมาก แต่เราดีใจที่แคทนิสได้คู่กับพีต้าค่ะ คนที่เธอ can't survive without

Update (11 ต.ค. 54)
เราพอจะรู้คำตอบแล้วล่ะว่า ทำไมเรื่องนี้ในเมืองไทยมันถึงไม่ดัง คงเพราะคุณภาพการแปลฉบับภาษาไทยนี่เอง ในงานหนังสือ เราซื้อเล่ม 1-2 เกมล่าชีวิต กับ ปีกแห่งไฟ มา คราวที่แล้วเราลังเลว่าจะซื้อภาษาไทยดีมั้ย เพราะไม่ค่อยชอบงานแปลฝีมือนาธานเท่าไหร่ ตั้งแต่สมัยเดลโทร่าเควสต์ ที่ชอบใช้คำลิเก แต่เพราะเราชอบ Hunger Games จริงๆ เลยอยากจะเก็บเรื่องนี้ อ่านฉบับแปลไทยไปแค่นิดหน่อย ก็เจอจุดที่ขัดใจเพียบ มีตั้งแต่จุดเล็กน้อยเรื่องการเลือกใช้คำแปลที่แปลกๆ หรือแปลคำตรงตัวเกินไปจนอาจทำให้คนอ่านไม่เข้าใจความนัย ไปจนถึงประโยคที่แปลผิดความหมายจากต้นฉบับจังๆ หลายที่ เราทั้งเศร้าและโกรธ ที่หนังสือชุดที่เรารักโดนกระทำแบบนี้

เพราะฉะนั้นอยากบอกทุกคนว่า อย่าซื้อฉบับภาษาไทยเลยค่ะ อ่านต้นฉบับสนุกกว่าเยอะ เรื่องนี้ภาษาอังกฤษอ่านไม่ยากเลย เป็นนิยาย YA ศัพท์ที่ Suzanne Collins ใช้ก็ระดับเด็ก ม.ปลาย ทั้งนั้น

Update (21 ม.ค. 55)
สำนักพิมพ์บอกว่าจะแก้ไขการแปลภาษาไทยในการพิมพ์ครั้งต่อไป ก็รอดูค่ะ
Update (17 ก.พ. 55)
เกมล่าชีวิตฉบับที่พิมพ์ปกใหม่ ยังไม่ได้แก้ไขคำแปลนะคะ เห็นว่าต้องรอครั้งต่อไป
Update (4 ก.ค. 55)
ฉบับปรับปรุง เล่ม 1 กับ เล่ม 2 ออกมาแล้วนะคะ ถ้าใครที่รอซื้อภาษาไทยอยู่ก็คงซื้อได้แล้ว เพราะแก้ไขตรงที่ผิดเยอะๆ แล้ว แต่โดยส่วนตัวแล้วเรายังรู้สึกว่าน่าจะทำให้ดีกว่านี้ได้ ยังไงก็ยืนยันว่า ถ้าอ่านภาษาอังกฤษได้อ่านต้นฉบับดีกว่ามากค่ะ สนุกกว่าเยอะ

19 ความคิดเห็น:

May กล่าวว่า...

เรายังไม่ได้อ่านชุดนี้เลยค่ะ ตอนแรกเป็นเพราะเห็นพล็อตแล้วนึกถึง Battle Royale ซึ่งเราไม่ชอบ แล้วก็เลยสงสัยว่า ทำไมคนถึงได้พูดถึงเรื่องนี้กันมาก

เลยอ่าน(โดยบอกตัวเองว่า เพื่อทำความเข้าใจ) จนสปอยล์หมดเรื่องไปเลย สรุปว่า รู้เรื่องหมดเกลี้ยงตั้งแต่เล่มแรกจนถึงเล่มสาม (ไม่น่าเลยเรา)

Nas กล่าวว่า...

โอ๊ย ตายแล้ว ขอโทษจริงๆ ค่ะ (-/\-)
เสียดายแทนมากๆ เลย อยากให้คนอ่านเรื่องนี้อ่านสนุกเหมือนเรา กลัวอยู่แล้วเชียว ตอนเขียนสปอยล์ แต่ถ้าไม่เขียนมันก็คันปากอยากเม้าท์มากเลย โหสินะค้า

May กล่าวว่า...

คุณ Nas ไม่ต้องซีเรียสค่ะ เราหาสปอยล์มาอ่านตั้งแต่ Mocking Jay ออกแล้วล่ะค่ะ อ่านจบแล้วก็แบบ "ทำไปได้ไงเนีย"

Nas กล่าวว่า...

ค่อยโล่งใจไปหน่อยค่ะ ^_^

Unknown กล่าวว่า...

เรารอมันแปลไทยเล่มสองอยู่เนี่ย รอไม่ไหวแล้ววววว

Nas กล่าวว่า...

เราไปเห็นบูธโพสต์ในงานหนังสือมา
ไม่โปรโมทเรื่องนี้แม้แต่น้อย "เกมล่าชีวิต" วางหลบๆ อยู่มุมนึง
อุตส่าห์ได้เรื่องนี้มา ทำเสียของยังไงไม่รู้
ถ้างั้นขอยุว่าอย่ารออ่านภาษาไทยเลยค่ะ
อ่านภาษาอังกฤษเถอะ อ่านไม่ยากค่ะ
ในงานหนังสือที่บูธ Asia Book ก็มีนะคะ ครบ 3 เล่ม
แต่นอกงานที่ร้านคิโนะน่าจะถูกกว่า

Guts กล่าวว่า...

ซื้อ Mocking Jay มาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งได้มีเวลาอ่านจบไม่นานมานี้เองครับ อ่านแล้วมันทิ้งความรู้สึกอะไรหลายๆอย่างไว้ยังไงไม่รู้ เศร้าครับ แต่ชอบ ประทับใจมาก ต้องยอมรับว่าพอเห็นว่าจะจบตอนจะต้องรู้สึกกลัวทุกครั้ง เพราะคนเขียนแกชอบจบแบบให้รู้สึกเหวอๆ ช็อคๆ แล้วอยากอ่านตอนต่อไปต่อ

เรื่องพีต้านี่ผมเห็นด้วยนะ ผมก็เชียร์พีต้าเหมือนกัน 555+ เกลคล้ายกับแคตนิสมากไป เป็นได้แค่เพื่อนร่วมล่าสัตว์แหละ ใช้ชีวิตจริงด้วยกันคงลำบาก

สงสัยได้วนกลับไปอ่านเล่มหนึ่งใหม่อีกรอบ lol

Unknown กล่าวว่า...

เล่มนี้หยิบแล้ววาง หยิบแล้ววางที่ร้านหนังสือตลอดเลย เจอทีไรก็จะหยิบมาดู
แต่ไม่ยอมซื้อสักที อาจจะเพราะว่านึกถึง Battle Royale เหมือนกัน ก็เลยรู้สึกยังไม่อยากอ่าน

ถ้าเจออีกคราวหน้าอาจจะลองซื้อมาอ่าน อยากรู้ว่าทำไมคนถึงชอบกันมากมาย :-)

Nas กล่าวว่า...

--> K.Thongrop : เหวอๆ ช็อคๆ ^_^ จริงด้วยค่ะ บางทีอ่านทั้งบทเหมือนไม่มีอะไร เจอพารากราฟสุดท้ายของบทเข้าไป โว้ว อะไรเนี่ย

--> K.Pavinee : คราวหน้าหยิบแล้วซื้อค่ะ ลองอ่านดูเล่มแรกก่อนก็ได้ อ่านเรื่องนี้จะไม่ใช่แค่เพื่อรู้เนื้อเรื่อง แต่เหมือนได้ประสบการณ์การอ่านแบบเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ต้องอ่านเองค่ะ เหมือนดูคนเล่นรถไฟเหาะ กับการนั่งเอง อ่านแล้วรู้สึกยังไงกลับมาเล่าให้ฟังนะคะ

Pang กล่าวว่า...

The Hunger Games เป็นซีรีย์ ที่เราชอบมากกกกกกกกกกกกกรองจาก Harry Potter เลย

แบบจำได้เราอ่านตอนที่มันออกมาใหม่ๆ กว่าจะได้อ่านเล่มสามก็ลืมเรื่องราวในเล่มสองไปและ แต่ก็ยังสนุกมาก ตอนนั้นจนเลยยืมหนังสือที่ห้องสมุดมาอ่าน ไม่ได้ซื้อเลย แต่จำได้ว่าตอนนั้นอ่านเล่ม3 แบบอ่านไปลุ้นไป หัวใจเต้นแรงมาก เลยตัดสินใจว่าจะต้องเลิกงกและก็ไปซื้อหนังสือมาเก็บไว้อ่าน (เราเป็นคนที่่ชอบแล้วอ่านซ้ำไปซ้ำมา HP นี่อ่านซ้ำมันทุกปีเลย) สำหรับเราเราชอบ Mockingjay มากที่สุดเลยนะ
อาจจะเป็นเพราะว่าจำความรู้สึกลุ้นระทึกตอนอ่านได้มากที่สุด นานน้านนนทีจะได้รู้สึกแบบนี้ ไปดูตามร้านหนังสือพวกนายอินทร์ se-ed มาแล้วค่ะ ไม่เห็นมีซีรีย์นี้เลย เลยแอบเสียดายที่คนไทยหลายๆคนจะต้องพลาดหนังสือดีๆเล่มนี้ไป แต่ก็นะ รอหนัง ถ้าหนังดังเดี๋ยวคนก็ต้องหามาอ่านจนได้

Nas กล่าวว่า...

ยังไม่ได้อ่าน Mockingjay ซ้ำเลยค่ะ อ่านทวนแต่เล่ม 1-2 กลัวเศร้า แต่ยังไงก่อนหนังจะเข้า ว่าจะอ่านทั้งชุดอีกรอบ เพราะประทับใจเรื่องนี้จริงๆ ไม่รู้ทำไม เล่ม 2-3 แปลไทยยังไม่ออกมาซะที อยากให้คนอ่านเยอะๆ

ชอบอ่านซ้ำเรื่องที่ชอบเหมือนกันค่ะ Harry ก็เพิ่งอ่านทั้งชุดอีกรอบ เรื่องนี้รักมาก มี 4 ชุด พอมีพิมพ์ใหม่บ็อกซ์สวยก็ซื้ออีก เอาไว้เวลาจะอ่านซ้ำ ก็บอกตัวเองว่านี่เล่มใหม่ ซื้อมายังไม่ได้อ่านเลย ^^

pratrinity กล่าวว่า...

เด็กป.6อ่านได้มั้ยครับผมซื้อมาด้วยความอยากเพราะชอบอ่านหนังสือที่กำลังจะเป็นหนัง

แต่หน้าแรกๆแปลได้อย่างฉลุยและรู้อย่างนึงว่านางเอกรักน้องมากที่สุด

Nas กล่าวว่า...

ซื้อมาแล้วก็ลุยเลยลูก เชียร์เต็มที่ ดีใจที่เห็นเด็กชอบอ่านหนังสือค่ะ หน้าแรกๆ อ่านได้ฉลุยก็น่าจะอ่านได้ตลอดนะคะ เคยอ่าน Harry Potter แบบภาษาอังกฤษรึยังคะ เรื่อง Hunger Games นี่อ่านง่ายกว่านั้นอีก

SandyTissana กล่าวว่า...

ตอนนี้เพิ่งอ่านเล่มแรกจบคะ สนุกมาก!!! รู้สึกหลงไหล หลงรัก! เข้าใจคำว่าวางไม่ลงเลย ไม่เคยเป็นอย่างนี้กับหนังสือเล่มไหนมาก่อน Twilight ที่ว่าบ้าแล้ว เจอ THG เข้าไป เหมือนกับมันเข้ามาในใจตอนไหนไม่รู้ ต้องพกไปทุกที่ กินข้าวที่รร. ยังต้องเอามาอ่านเลยคะ รักพีต้า อ่านไปมันก็เขินไปนะคะ ผู้ชายอะไร๊! >////<

Nas กล่าวว่า...

อ๊ายย ชอบพีต้าหรือคะ เดี๋ยวเล่ม 2 จะยิ่งกรี๊ดกว่านี้อีก ^^
ถ้าสมัยพี่ยังเรียนอยู่ คงจะเอาไปคุยกับเพื่อนว่า เนี่ย พีต้าของฉัน
แล้วคงเอาไปตั้งชื่อล็อกอินอะไรสักอย่างนะ
แต่ตอนนี้ไม่กล้าค่ะ 555

MISSB กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับคุณจขบ.ทุกประการเลยค่ะ เกลเหมือนแคทนิสมากเกินไป และพิต้าเท่านั้นที่จะอยู่กับแคทนิสได้ มีความรู้สึกว่า ไม่ใช่ว่าเพราะแคทนิสรักใครมากกว่า แต่แคทนิสเลือกพิต้าเพราะว่าเขาจำเป็นจริงๆ ต่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปของหล่อน และเราคิดว่าการจบแบบที่ให้แคทนิสฝันร้ายและกว่าจะมีลูกก็15ปีนี่เป็นอะไรที่ไม่ใช่ความผิดของพิต้านะ ถ้าเกิดคนเขียนให้แคทนิสมีชีวิตสุขสบายลัลลามากๆ เนี่ย เราคงจะผิดหวังไม่ใช่น้อย เพราะการฆ่ามากมายที่หล่อนทำมาตลอดเรื่อง (โอเ เพราะจำเป็น แต่ชีวิตเหล่านั้นก็ต้องตายจริงๆนี่นา) สมควรจะได้รับการชดใช้อะไรบ้าง 555 เราอาจจะใจร้ายต่อแคทนิสมากไปหน่อย แต่การที่หล่อนยังมีพิต้าอยู่เนี่ย ถือว่ายุติธรรมแล้วนะ

สงสารพริมมาก การตายของพริมเกิดขึ้นเร็วมาก เราชอบพริมสุดๆ ไปเลยจากเล่มนี้ เธอฉลาด ไม่อ่อนแอเกินไป แต่ก็ไม่แข็งเกินไป เสียดายจริงๆ ที่ต้องตายไปแบบที่อีตาสโนวพูดไว้ว่าเป็นการตายที่ไม่จำเป็นจริงๆ

และฟินนิก เราเสียใจมากกับการตายของพ่อหนุ่มคนนี้ เข้าใจว่ามันต้องมีการหลั่งเลือดบ้าง T___T แต่ทำไมต้องเป็นเค้า เค้าเพิ่งจะแต่งงานนะ แล้วก็เป็นคนที่น่ารักมาก ฮื่อออ เศร้า ชอบตาคนนี้มากจริงๆ

พิต้าก็ยังครองอันดับหนึ่งในใจ จากที่อ่านมา เราว่าเค้าเป็นตัวละครที่จิตใจเข้มแข็งมากนะ ในบรรดาผู้คนทั้งหมด เราคิดว่าสงครามทำร้ายพิต้าได้น้อยที่สุด ไม่ใช่ว่าการโดนจับไปทรมานโดยสโนวไม่ใช่เรื่องเจ็บปวด แต่เค้ายังกลับมาได้ และยังคงยืนหยัดจุดยืนของตัวเอง ทั้งเรื่องฮังเกอร์เกมส์และแคทนิส เป็นคนที่เหมาะแล้วจริงๆที่จะอยู่กับแคทนิส ชอบคำพูดของเค้าตอนที่แทนิสบอกให้อยู่กับเธอ (ในเมืองหลวง) ที่เค้าตอบมาว่า Always โอ๊ย นึกถึงสเนปกับลิลลี่ขึ้นมากระทันหันเลย เป็นความรักที่ไร้เงื่อนไขจริงๆ T__T ใครว่าพิต้าเป็นผู้ชายที่นิ่มเกินไป ไม่จริงเลย ถ้าเค้านิ่มเกินไปขนาดนั้น เค้าจะผ่านเรื่องร้ายๆแบบนี้มาได้ยังไงกัน ใครไม่เอาเราเอาอ่ะผู้ชายคนนี้ 55555

และอีกครั้งค่ะ อ่านเล่มนี้แล้วรู้สึกว่าชีวิตในเล่ม1-2ของแคทนิสช่างสุขสบายเสียจริง ทำไมมันเลวร้ายลงเรื่อยๆ ล่ะเนี่ย 555 มีความคิดที่ว่านี่คือตอนจบที่ยังไม่จบ และไม่มีวันจบสำหรับเรา เหล่าประชาในปาเนมได้ประชาธิปไตยมาแล้ว ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น มันคงมีอะไรตามมาอีกมากมาย แต่ก็คงดีกว่าตอนที่มีฮังเกอร์เกมส์ล่ะนะ

ชอบมากค่ะเรื่องนี้ จะรอดูคอมเมนต์ของคุณจขบ.ตอนไปดูหนังกลับมานะคะ 555

ป.ล. เราโพสต์คอมเม้นแล้วรู้สึกเหมือนบางทีมันหายไป แงๆ ขอให้อันนี้ไม่หายแล้วกัน

Nas กล่าวว่า...

เหมือนกับว่าถ้าเบิ้ลคอมเมนต์ติดกัน ระบบป้องกันสแปมมันจะลบอัตโนมัติน่ะค่ะ ต้องไปเรียกคืนทีหลัง
เรื่องพริมกับฟินนิค ทั้งคู่เป็นตัวละครที่ชอบมากๆ เหมือนกันค่ะ ตอนอ่านฉากสุดท้ายของสองคนนี้ เราดาวน์สุดๆ จนทำให้ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าอ่านซ้ำ แต่เพราะเนื้อเรื่องเป็นอย่างนั้นเราถึงประทับใจเรื่องนี้มากๆ ก็ได้ค่ะ
หนังใกล้จะฉายแล้ว ตอนนี้หายใจเข้าออกเป็นฮังเกอร์เกมส์ ถ้าได้ดูแล้วคงจะเขียนถึงค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

มาช้าไปไหมคะเนี่ย เพิ่งได้มีโอกาสอ่านไตรภาคจบลงเมื่อสักครู่นี้ หลังอ่านจบอยากแชร์ความรู้สึกกับคนที่อ่านมาเหมือนกันมากค่ะ ดีใจมากที่ได้เจอบลอกนี้ อ่านในกระทู้อื่นๆมาก่อนนิดหน่อย เห็นมีแต่คนว่าเล่มสามไม่สนุก จริงๆแล้วเล่มนี้ความสนุกน้อยสุดจริงๆ แต่เป็นเล่มของการทำสงคราม โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าผู้เขียนทำได้ดีมาก สงครามไม่ใช่เรื่องสนุก อ่านแล้วรับรู้ถึงความสูญเสียได้ชัดเจน (แม้บางช่วงจะรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือโรคซืมเศร้าแทน)

พีต้า vs เกล
เล่มแรกๆจนเล่มสามต้นๆนี่ลังเลใจแทนแคตนิสตลอด เพราะสองคนนี้เป็นด้านดีของกันและกัน ดีคนละแบบ และรักแคตนิสมากเหมือนกัน แต่อิ่มกับตอนจบมากนะคะ ใครว่าไม่หวาน ตัวเองคิดว่ามันไม่เลี่ยนเหมือนความรักวัยรุ่นทั่วๆไปอีกแล้ว แต่มัน mature กว่า มันสมบูรณ์กว่า ประทับใจค่ะ และคิดว่ามันเป็นตอบจบที่ดีมากแล้วนะ เทียบกับเรื่องทั้งหลายที่ตัวละครเอกทั้งสองผ่านมา และการที่มันยังทิ้งmessageของอนาคตที่ยังไม่แน่นอนไว้นี่แหละที่มันทำให้เรื่องมีความสมจริง สงครามจบแล้ว แต่ใช่ว่ามันจะสงบตลอดไป ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับพวกเราที่เหลืออยู่นั่นเอง

เป็นนิยายที่ชอบมาก ขึ้นหิ้งอีกชุดนึง ดีใจที่ได้อ่านตอนอายุเยอะหน่อยอย่างตอนนี้ 55 ถ้าไปอ่านตอนมอต้นเหมือน HP นี่อาจรู้สึกว่ามันหนักเกินไปหน่อย

จะติดตามอ่านบลอกต่อไปนะคะ ได้ตามอ่านหนังสือที่น่าสนใจไปด้วย

Nas กล่าวว่า...

ขอโทษที่ตอบช้านะคะข้อความมันไปอยู่ในกล่องสแปม ไม่ช้าไปหรอกค่ะ ดีใจที่มาบอกความรู้สึกให้รู้ค่ะ นึกถึงตอนอ่านเรื่องนี้จบครั้งแรกแล้วเราไปไล่อ่านความเห็นตามเว็บเลยค่ะ อยากแชร์ความรู้สึกที่มีต่อเรื่องนี้กับคนอื่น

แสดงความคิดเห็น