วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

Florida Saga (Civil War) - Heather Graham

ช่วงนี้ได้หยุดหลายวัน ก็เลยไล่อ่านเรื่องชุดได้ยาว หนังสือชุด Florida Saga ของ Heather Graham ประกอบด้วยนิยาย 6 เล่ม สองเล่มแรกเป็นยุคบุกเบิกฟลอริด้า มีการต่อสู้ระหว่างคนขาวกับอินเดียนแดง อีกสี่เล่มหลังเป็นยุคสงครามกลางเมือง โดยเล่าผ่านเรื่องราวของคนในตระกูลแมคเคนซี่ เคยอ่านเล่มแรก Runaway มานานแล้ว รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ก็เลยพักไปนาน แต่เนื่องจากเรื่องโปรดของเราที่แต่งโดย Heather Graham คือชุดสงครามกลางเมืองอเมริกา One Wore Blue กับ And One Wore Grey คราวนี้ก็เลยคิดว่าจะกลับมาอ่านเรื่องชุดนี้อีกที ปรากฏว่า เราชอบเรื่องชุดนี้ในยุคสงครามกลางเมืองนะ

ที่จริงถ้าใครเคยอ่านโรแมนซ์ย้อนยุคของ Heather Graham (a.k.a. Shannon Drake) มาบ้าง จะรู้ว่า เรื่องของเธอเป็นยังไง เพราะเธอเป็นนักเขียนที่เขียนตามสูตรมากๆ เกือบทุกเรื่องของเธอจะคล้ายๆ กันหมด คือ พระเอกนางเอกมักจะอยู่ตรงข้ามกันในความขัดแย้งของสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ-สกอต ไวกิ้ง-ไอริช อังกฤษ-อเมริกา เหนือ-ใต้ ดังนั้นพระเอกนางเอกจึงทะเลาะกันอยู่เสมอ แต่ก็มักจะมีเหตุจำเป็นให้ทั้งสองต้องมาอยู่ด้วยกันหรือแต่งงานกัน แล้วเนื้อเรื่องก็จะดำเนินไป โดยมีเหตุที่พระเอกจะต้องเข้าใจผิดว่านางเอกทรยศ กว่าจะเข้าใจกันได้ก็จบเรื่องพอดี แต่ข้อดีของนักเขียนที่เขียนเรื่องตามสูตรสำเร็จของตัวเองก็คือ ถ้าเราชอบสไตล์ของนักเขียนคนไหน เราก็มักจะชอบเรื่องของนักเขียนคนนั้นเกือบทุกเรื่อง

ที่จริงตอนนี้ Heather Graham คงเปลี่ยนสไตล์การเขียนของตัวเองไปแล้ว เพราะเห็นเรื่องยุคหลังๆ เป็น Paranormal ทั้งนั้น ซึ่งเป็นแนวที่เราไม่ชอบอ่าน แล้วเห็นคะแนนรีวิวไม่ดี ก็เลยไม่เคยหยิบงานแบบอื่นของเธอมาอ่านเลย

เอาล่ะ กลับเข้าเรื่อง Florida Saga ดีกว่า มาว่ากันทีละเล่มเลยแล้วกัน

Rebel
คะแนน : 7.5
เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นตรงช่วงเวลาก่อนที่สงครามกลางเมืองจะเริ่มต้นขึ้น เงาแห่งสงครามเริ่มตั้งเค้า พระเอกในเล่มนี้คือ เอียน แมคเคนซี่ ลูกชายคนโตของพระเอก-นางเอกจากเล่มแรก Runaway เอียนกลับมาเยี่ยมบ้านเพื่อร่วมงานวันเกิดของพ่อ และในวันนั้น ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างนำให้เขาเข้าไปอยู่ในสภาพเปลือยอยู่กับนางเอก อเลน่า ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอื้อฉาว ทั้งสองจึงต้องรีบแต่งงานกัน ทั้งๆ ที่เอียนมีผู้หญิงที่เขาตั้งใจจะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว การแต่งงานด้วยสภาพจำยอมเพื่อรักษาเกียรติ ทำให้ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเลย เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป เกิดสงครามขึ้น เอียนเป็นทหาร ถึงแม้รัฐฟลอริด้าบ้านเกิดของเขาจะเป็นฝ่ายใต้ แต่เอียนมีอุดมการณ์ตรงกับฝ่ายเหนือ ที่เห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งผิด เขาจึงยังคงทำงานให้รัฐบาลต่อไป ส่วนอเลน่า ก็เป็นสาวชาวใต้ของแท้ ที่ซื่อสัตย์ต่อรัฐตัวเอง ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น อเลน่าจับพลัดจับผลูเข้าไปทำงานเป็นสายลับให้ฝ่ายใต้ ในขณะที่เอียนก็ได้รับมอบหมายให้มาหยุดสายลับผู้นั้น

เรื่องนี้ก็อ่านได้เรื่อยๆ ตามสูตรที่บอก บางช่วงอาจมีน่าเบื่อบ้างเล็กน้อย เพราะเถียงกันบ่อยมาก แล้วพระเอกก็จะตัดบทด้วยเซ็กส์เสมอ ในขณะที่บางทีนางเอกก็ทำตัวเด็ก หรือทำอะไรโง่ๆ ไปหน่อย ให้คะแนนที่ 7.5 แล้วกัน

Surrender
คะแนน : 8
เรื่องนี้ต่อจาก Rebel แต่เราหยิบ Surrender มาอ่านก่อน จริงๆ เล่มนี้เป็นเล่มที่ 4 ในชุด แต่เนื่องจากอ่านรีวิวใน Amazon แล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าอ่านที่สุด ก็เลยอ่านเล่มนี้ก่อน เผื่อไม่ชอบจะได้ข้ามซีรีส์นี้ไปเลย ปรากฏว่าชอบนะ นางเอกของเรื่องคือ ริซ่า เป็นลูกสาวนายพลฝ่ายเหนือ ซึ่งริซ่าปรากฏตัวครั้งแรกใน Rebel โดยเธอคือหญิงสาวที่เอียนตั้งใจจะแต่งงานด้วยนั่นเอง ส่วนพระเอก เจอโรม แมคเคนซี่ เป็นกัปตันเรือของฝ่ายใต้ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเอียน เป็นลูกชายคนโตของพระเอก-นางเอก เรื่อง Captive ซึ่งเราข้ามไปยังไม่ได้อ่าน

เนื้อเรื่องเล่มนี้เริ่มขึ้นต่อจากช่วงท้ายของเรื่องก่อน ริซ่าตั้งใจเดินทางมาทางใต้ เพื่อจะมาช่วยส่งข่าวให้อเลน่ารู้ตัว ก่อนจะถูกจับได้ว่าเป็นสายลับ แล้วบังเอิญไปได้ยินแผนปฏิบัติการของเจอโรมเข้า เจอโรมจึงต้องบังคับเอาตัวริซ่าขึ้นเรือไปด้วย ริซ่าเป็นนางเอกที่ค่อนข้างโอเคเลย ถึงแม้จะตามสูตรของ HG ที่ต้องขัดแย้งกับพระเอก แต่นอกจากช่วงแรกที่พยายามหนีแบบโง่ๆ หลายทีแล้ว เราว่ารวมๆ เธอก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอเลน่า แล้วเนื้อเรื่องเล่มนี้ก็ดำเนินไปเร็วกว่า สถานการณ์การรบของสองฝ่ายเหนือใต้เริ่มเข้มข้นขึ้น น่าจะเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในชุด

Glory
คะแนน : 7.5
พระเอกคือ จูเลียน แมคเคนซี่ น้องชายของเอียน จูเลียนเป็นหมอให้กองทัพฝ่ายใต้ นางเอก เรียนน่อน เป็นม่าย สามีตายในการรบให้ฝ่ายเหนือ เธอมีความสามารถทางการแพทย์ และมีความสามารถพิเศษที่เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าในความฝันได้ เรียนน่อนยังเศร้าโศกกับการตายของสามีไม่หาย จึงหันเข้าหายาฝิ่นปลอบใจตัวเอง และในระหว่างที่ตกอยู่ในฤทธิ์ยา ก็พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับจูเลียน เมื่อได้สติ เธอก็ปฏิเสธไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิงว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ความฝัน

ในเล่มนี้ ความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกจะค่อนข้างห่างๆ กันหน่อย เพราะนางเอกไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็มีช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนาน แถม HG ยังต้องไปกระจายบทให้พี่น้องตระกูลแมคเคนซี่ที่เหลือ ที่จะไม่ได้เล่มแยกของตัวเองอีก บางช่วงโฟกัสของเรื่องจึงแยกออกไป ซึ่งก็ไม่ใช่ไม่ดี เพราะเรื่องของซิดนีย์ และเบรนท์ ลูกพี่ลูกน้องของจูเลียน (หรือก็คือน้องสาวน้องชายของเจอโรม) ก็น่ารักดี โดยเฉพาะเรื่องของเบรนท์ เป็นคู่เดียวที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเหนือ-ใต้ แต่อย่างว่า เล่มนี้อ่านไปอ่านมา พระ-นางมีอะไรกันครั้งเดียวแบบไม่รู้ตัว แล้วแยกกันไปตั้งนาน โผล่มาอีกที นางเอกมายอมรับกับตัวเองเฉยเลยว่า รักพระเอก ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แต่ก็โอเค เพราะตอนนี้อินกับตัวละครในเรื่องชุดนี้แล้ว และเล่มนี้ดูจะมีจุดที่แตกต่างกว่าเล่มอื่นในชุดมากที่สุด เพราะพระเอกนางเอกไม่ใช่ทหารหรือสายลับ เนื้อเรื่องก็เลยไม่ซ้ำซากน่าเบื่อนัก แล้วบุคลิกนางเอกก็แปลกดี

Triumph
คะแนน : 7

เล่มสุดท้ายในชุด นางเอกคือ เทีย แมคเคนซี่ น้องสาวของเอียนและจูเลียน พระเอกคือ เทย์เลอร์ ดั๊กลัส ทหารม้าฝ่ายเหนือ ซึ่งเราว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แย่ที่สุดในชุด เพราะเทียเป็นนางเอกที่แย่มากๆ เป็นนางเอกประเภทที่ตรงกับที่นักอ่านโรแมนซ์ฝรั่งเรียกว่า TSTL (too stupid to live) heroine นางเอกที่โง่เกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ หลายครั้งที่อ่านพฤติกรรมของเธอแล้วเราต้องส่ายหัว หรือสบถในใจ เหลือเชื่อมากว่า ทำไมงี่เง่าอะไรได้ขนาดนี้ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่พระเอกต้องมาจ๊ะเอ๋เจอเธอตกอยู่ในสถานการณ์คับขันในสภาพเปลือยหรือกึ่งเปลือย และเราก็ไม่ชอบเทย์เลอร์เท่าไหร่นัก คือจริงๆ ปกติพระเอกของ HG ก็จะแนวอัลฟ่าอยู่แล้ว แต่เราไม่ชอบผู้ชายที่ไม่ยอมหยุดเวลาที่ผู้หญิงบอกว่าไม่ แม้จะเป็นพระเอก แม้จะเป็นสามี หรือแม้ผู้หญิงจะปากไม่ตรงกับใจก็ตาม ปัญหาเดียวกับที่เราบอกว่าเราไม่ชอบสิ่งที่เอียนใน Rebel ทำ

ยังดีที่เล่มนี้มีตัวละครจากเรื่องก่อนๆ ในชุดปรากฏตัวครบครัน โดยเฉพาะบทสรุปความรักของซิดนีย์กับเจสซี่ และเบรนท์กับแมรี่ ที่ปูเรื่องค้างไว้ตั้งแต่เล่มก่อน และสงครามก็จบลงในเล่มนี้ บทสรุปทุกอย่างของคนในตระกูลแมคเคนซี่ก็ลงเอยด้วยดี ก็เลยยังทำให้ได้ความรู้สึกดีจากการอ่านเรื่องนี้ได้

ในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองชุดนี้ เราว่าสิ่งหนึ่งที่ HG ทำได้ดี คือการบรรยายสภาพแวดล้อมในยุคนั้น และอธิบายความคิดและอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างตัวละครสองฝ่ายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ดี โดยไม่เข้าข้างใคร ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครถูกผิดชัดเจน ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง เรายอมรับได้โดยดีถึงเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของพระเอก-นางเอกที่ต้องมาอยู่ตรงข้ามกัน บางทีเราอาจรู้สึกว่าตัวละครทำอะไรโง่ๆ แต่เราไม่เคยสงสัยถึงอุดมการณ์ความเชื่อที่นำไปสู่การกระทำนั้น HG แสดงให้เห็นชัดถึงภาพความน่าเศร้าของสงครามที่พี่น้องญาติมิตร ต้องมารบราฆ่าฟันกันเอง ความที่แต่ละคนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เป็นไปในชาติได้ เพราะปัญหาและความขัดแย้งมันมีมิติมากเกินไป

ทำให้อดเปรียบเทียบกับบรรยากาศบ้านเมืองประเทศไทยตอนนี้ไม่ได้ ทำไมเราต้องมาอยู่ในสถานการณ์บ้าคลั่งแบบนี้ ก็เพราะแต่ละฝ่ายมีมุมมองที่แตกต่างกันเกินไป และไม่ยอมรับฟังความเห็นของคนอีกฝั่งหนึ่งเลย เมื่อคนฝั่งหนึ่งพร้อมจะดูแคลน ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะพร้อมสู้ตาย และทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดปัญหารุนแรง สังคมในชาติแตกแยกร้าวลึก และผลักให้ช่องว่างของทั้งสองกว้างขึ้นไปอีก ในขณะที่คนเดียวเล็กๆ ก็ได้แต่มองความเป็นไปโดยแทบไม่สามารถทำอะไรได้เลย เฮ้อ----------

1 ความคิดเห็น:

trongruk กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะคุณ nas

แนะนำตัวหน่อยนะคะ ชื่อตู่ค่ะ
ชอบที่คุณnas รีวิวนิยายมากเลย
และก็ชอบความคิดของคุณ nas ที่มีต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันตอนนี้มากค่ะ

พอดีตู่อ่านนิยายเรื่อง rebel
ฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยมาอ่านแล้วรู้สึกว่าชอบมากๆเลยค่ะ
อยากหาฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านแบบคุณ nas บ้าง
ไม่ทราบว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหนเหรอคะ
ขอความกรุณาคุณ nas ตอบกลับที่ trongruk@gmail.com
หน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น