วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Legends of Shannara 1 & 2 - Terry Brooks

คะแนน : 7.5
 

นิยายทวิภาคแฟนตาซีนี้เป็นชุดที่ 6 ในโลกแห่งแชนนาร่า แต่ใน Legends of Shannara มีเล่มน้อยกว่าชุดอื่นๆ แค่สองเล่มจบ ถ้าบวกไตรภาค Word & Void ด้วย นี่เป็นเล่มที่ 21-22 ในซีรีส์แล้ว

เริ่มต้นที่ Bearers of the Black Staff จับใจความหลังจากเหตุการณ์ล้างโลกใน The Genesis of Shannara นับจากที่ฮอว์คช่วยนำกลุ่มคนมาหาที่หลบภัยในหุบเขา เพื่อปกป้องอนาคตของมนุษย์ ให้รอดจากการไล่ล่าของเหล่าปิศาจ และหายนภัยนิวเคลียร์ เวลาผ่านไป 500 ปี ชื่อฮอว์คเหลือเป็นแค่ตำนาน แถมชื่อโดนเอาไปแอบอ้างเป็นลัทธิซะอีก บัดนี้ กำแพงเวทมนตร์ได้พังทลายลงแล้ว ลูกหลานของมนุษย์ และเผ่าเอลฟ์ที่เหลืออยู่ ต้องเผชิญกับอันตรายจากโลกภายนอก

ตำนานแชนนาร่าบทนี้ ก็จะเชื่อมโยงต่อจากไตรภาค Genesis แล้วนำไปสู่โลกของแชนนาร่าดั้งเดิม บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในเรื่องเริ่มใกล้เคียงกับของเดิมมากขึ้น จาก Knight of the Word ก็คงจะมีพัฒนาการต่อไป อนาคตก็จะกลายเป็น Druid ที่เราคุ้นล่ะ โดยส่งผ่านสัญลักษณ์กันด้วยไม้เท้านิล ตัวละครเด่นภาคนี้เป็นเด็กหนุ่มชื่อ แพนเทอร่า มีคู่หูเป็นหญิงชื่อ พรู กับเจ้าหญิงเอลฟ์ชื่อไฟรน์ โดยมีผู้ถือไม้เท้านิลคนปัจจุบันชื่อ ไซเดอร์ เป็นคนคอยให้คำแนะนำแก่แพน

ภาคนี้มันสนุกเป็นช่วงๆ ตอนต้นเล่มเปิดเรื่องดีมาก เพราะ Terry Brooks เป็นคนที่เขียนฉากแอกชั่นสนุก และการทิ้งจังหวะการเล่าเรื่องทำได้ดีมีให้ลุ้น แต่มันสร้างความน่าสนใจได้ไม่ตลอด เพราะเหตุการณ์ในเรื่องจริงๆ มีไม่เยอะเท่าไหร่ เส้นเรื่องไม่เนียน ศัตรูในเรื่องยังถือว่าน้อย และไม่ได้จี้ติดฝั่งตัวเอกในเรื่องซะเท่าไหร่ พวกชาวบ้านในเรื่องไม่ค่อยเครียดกันเลย กองทัพศัตรูมาจ่อแล้ว เฉยกันจัง และเดิมพันในเรื่องไม่สูงระดับชี้ชะตามนุษยชาติอย่างภาคอื่นๆ ก็เลยขาดอารมณ์ลุ้นๆ เร่งๆ ไป พอเชื่อมโยงต่อมาถึงเล่มสอง The Measure of the Magic ก็ประมาณกัน เรื่องราวเน้นมาที่ไอเทมสำคัญประจำซีรีส์อย่างบลูเอลฟ์สโตนที่แฟนๆ คงคุ้นกันดี มีปิศาจมาร demon โผล่มาตัวหนึ่ง ตอนต้นเล่มลุ้นสนุกอยู่ แต่พอสักพัก จังหวะก็เอื่อยหายไปอีก มามันส์ตอนท้ายๆ อีกที

เรื่องความรักในภาคนี้ถูกกลบสนิทมิดชิด มีแบบเสียไม่ได้ยังไงไม่รู้ ภาคก่อนๆ เรื่องความรักของตัวเอกในเรื่องก็ไม่ได้สำคัญมากหรอก แต่ก็ยังมีบ้างเหมือนเป็นถ้วยรางวัลตอนจบ แต่ภาคนี้ไม่เวิร์กเลย เหล่าตัวละครแบนเป็นกระดาษแข็งมาก เลยไม่ทำให้เชียร์เท่าไหร่ แล้วเพราะความที่มันเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้า ก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่าอนาคตเนื้อเรื่องจะไปในทางไหน ก็เลยยิ่งไม่ลุ้น

รวมๆ แล้วภาคนี้เหมือนเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์แทรกให้รู้เส้นเวลาของโลกแชนนาร่าดีขึ้นเฉยๆ ถ้าใครไม่เคยอ่านแชนนาร่า ก็ไม่ควรเริ่มที่ชุดนี้ ไปเริ่มที่ไตรภาคชุดก่อนๆ The Original Shannara, The Heritage of Shannara ที่สนุกมาก หรือ The Voyage of the Jerle Shannara ที่เคยมีแปลไทยดีกว่า แต่ไตรภาคหน้าที่จะออกต่อจากชุดนี้ เนื้อเรื่องจะจับใจความต่อจากชุด High Druid of Shannara อยากอ่านชุดนั้นมากกว่า ดูซิว่าอนาคตข้างหน้าของโลกในเรื่องจะไปยังไง ก็คงต้องรออีกสามปีให้ออกครบก่อนค่อยอ่านรวดเดียว

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รวมมิตร Georgette Heyer


ช่วงนี้ไม่ยุ่งเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ว่างหรอกแค่กลับมาอยู่ระดับปรกติ ชีวิตลั้ลลาดีพอควร ทำโน่นทำนี่ตามสบาย หนังสือก็อ่านจบไปหลายเล่มนะ แต่ขี้เกียจเขียนบล็อกมากๆ เลย อ่านสะเปะสะปะไปหลายแนว อ่านเล่มที่มีเรื่องเกี่ยวกับ spacetime แล้วสงสัยว่า ตรงอาณาบริเวณรอบๆ ตัวเรานี่เวลามันเดินทางเร็วกว่าที่อื่นหรือเปล่าเนี่ย 55 ทำไมนาฬิกาหมุนไวจัง ทำอะไรเพลินๆ หน่อยเงยหน้ามาก็ผ่านไปหลายชั่วโมง แป๊บๆ ไม่ทันไรก็จะหมดเดือนอีกแล้ว

สัปดาห์ที่ผ่านมาลุยอ่านเรื่องของ Georgette Heyer ไป 4 เล่ม คงต้องจดไว้ซะหน่อย เดี๋ยวลืมอีกว่าเล่มไหนอ่านแล้วบ้าง ทั้งสี่เรื่องเป็นแนวที่ไม่ค่อยโรแมนซ์ ออกแนว Comedy หมดทุกเรื่อง

The Unknown Ajax
คะแนน : 8.25

เริ่มจาก The Unknown Ajax เพราะมีคนที่ชอบ Cotillion บอกว่าเรื่องนี้สนุก เปิดมาอ่านไป 2-3 หน้า นี่มัน "ทายาทป๋องแป๋ง" นี่นา เคยอ่านฉบับแปลงแล้ว แต่อ่านแล้วก็อ่านอีกได้ เพราะเป็นเรื่องที่สนุกดี ชอบพระเอก มาแบบเนียนๆ แกล้งทำเป็นบ้านนอก ตลกมาก นางเอกเรื่องนี้ก็ดี แต่เรื่องมันวุ่นวายกับญาติๆ ซะเยอะ อยากให้มีฉากพระเอกคุยกับนางเอกมากกว่านี้หน่อย

ถือว่าเล่มนี้ติด 1 ใน 5 อันดับเรื่องของ GH ที่เราชอบที่สุดเลย
1. Cotillion = 9
2. Faro's Daughter = 9
3. Devil's Cub = 8.5
4. These Old Shades = 8.5
5. The Unknown Ajax = 8.25

The Convenient Marriage
คะแนน : 7

เล่มนี้เราอ่านแล้วไม่ตลกอ่ะ นางเอกเด็กมากเกินไป อายุห่างจากพระเอกเยอะมาก (เรื่องอายุพระเอกนางเอกของ GH นี่เป็นประเด็นถกกันในหมู่แฟนเลยนะ จนมีคนทำสรุปเรื่องความต่างของอายุตัวเอกแต่ละเรื่องให้ดูด้วย) อายุตัวช่างมันเหอะ แต่อายุสมองไกลกันเกิน โฮเรเชียเป็นเด็กกะโปโลก่อเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อนทั้งเรื่อง รูลก็ตามใจไปเรื่อยๆ ออกแนวเอ็นดูเด็ก จนรู้สึกว่า พระเอกโลลิค่อน นางเอกติดอ่างทั้งเรื่องไม่หายด้วย นึกว่าจะเป็นแค่แรกๆ ถ้าแนวนี้ เราชอบ Friday's Child มากกว่า นางเอกเด็ก พระเอกก็เด็กด้วย ค่อยๆ โตด้วยกัน

April Lady
คะแนน : 6.5

นี่ก็คู่สามีภรรยาที่อายุต่างกันมากอีกเรื่อง แต่เล่มนี้ไม่ชอบเลย หรือเพราะทนนางเอกมาจากเรื่องที่แล้ว เจอผู้หญิงไม่เอาไหนอีกคนก็รับไม่ไหวแล้ว นางเอกโกหกพระเอกไปเรื่อยๆ จากเรื่องไม่มีอะไรตอนแรกๆ ก็ลุกลามไปใหญ่โต เนื้อเรื่องวุ่นวายอยู่กับพี่ชายนางเอก แล้วก็น้องสาวพระเอก พระเอกโผล่มานับฉากได้ จริงๆ ถ้าชอบตัวละครก็อาจจะตลก แต่พอไม่ชอบ ก็เลยรู้สึกงี่เง่า พออ่านเรื่องนี้จบโดยไม่หลุดปากสบถใส่นางเอกเลยสักครั้งได้ รู้สึกเหมือนบำเพ็ญขันติบารมีบรรลุไปอีกขั้นเลย

The Talisman Ring
คะแนน : 8

นี่แหละ! มันต้องอย่างนี้สิถึงจะขำ เรื่องนี้ทำเราหัวเราะก๊ากหลายทีมาก ถ้าตัวละครพระเอกนางเอกฉลาดทันกันทำอะไรบ๊องๆ มันก็ตลกดี โอ๊ย ตอนนางเอกแกล้งเป็นลม แล้วพระเอกบอกว่า อาการนี้ต้องเอาน้ำเย็นสาด นางเอกก็แอบขมุบขมิบขู่ว่ากล้าเหรอ ฮามั่กมาก จริงๆ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็วุ่นวายกับตัวละครเยอะแยะ หาแหวน ซ้อนกลคนร้าย พระเอกนางเอกไม่ค่อยได้คุยกันหรอก แต่ชอบคู่นี้มาก น่ารักจริงๆ เลย พวกตัวละครอื่นก็รู้สึกโอเค หลุดๆ รั่วๆ แล้วขำทุกคน

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

The Wild Rose - Jennifer Donnelly

คะแนน : 7

เล่มจบของไตรภาคกุหลาบ เรื่องราวต่อเนื่องจาก The Tea Rose และ The Winter Rose ใครยังไม่ได้อ่านก็หยุดตรงนี้เลยค่ะ เพราะโพสต์นี้ถ้าไม่ได้ระบายความหงุดหงิดคงไม่สบายใจ จะสปอยล์ทั้งซีรีส์ เนื้อเรื่องเล่มนี้และเล่มก่อนๆ ด้วย

เตือนสปอยล์

จากการอ่านภาคที่แล้ว เรารู้สึกว่าเราไม่ค่อยชอบเชมี่และวิลล่า พระเอกนางเอกภาคนี้เลย พอเล่มนี้ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อ่านจากรีวิวเห็นท่าไม่ค่อยดี ก็ยั้งมือยังไม่อยากซื้อ โหลดตัวอย่างจาก Amazon มาดูก่อน แค่ 2 บทแรก ก็ทำให้เราปิดหน้าจอทิ้งด้วยความอารมณ์เสียแล้ว เล่มนี้เวลาผ่านมาจากเหตุการณ์เล่มที่แล้ว 8 ปี ขึ้นต้นเรื่องก็เปิดฉากด้วยการที่ทั้งนางเอกและพระเอก ต่างก็ไปนอนกับตัวละครอื่นที่ตัวเองไม่ได้รัก ในขณะที่นึกในใจว่ายังคิดถึงเจ็บปวดถึงกันและกันอยู่ โอ๊ย เราเกลียดตัวละครแบบนี้มากๆ จะคร่ำครวญหวนไห้พิร่ำพิไรพิลาปรำพันโศกศัลย์วิปโยคอะไรนักหนา ก็ทำตัวเองแท้ๆ โดยเฉพาะวิลล่าที่เป็นตัวต้นเหตุนี่แย่มากๆ เลย จากที่ไม่ค่อยชอบหน้า กลายเป็นเกลียดนางเอกตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มอ่านจริงเลย แล้วมันจะไปรอดมั้ย ชั่งใจอยู่หลายวัน แต่ความอยากอ่านก็มากกว่า ยังไงเราก็ยังอยากรู้เรื่องครอบครัวนี้ว่า คนอื่นๆ จะเป็นยังไง จะพยายามทำใจทนตัวเอกแล้วกัน

จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตอนไปปีนเขาด้วยกันกับเชมี่ที่แอฟริกา จนทำให้วิลล่าถูกตัดเท้าทิ้งไปข้างหนึ่ง เธอไม่อภัยให้เชมี่ที่ยอมให้หมอผ่าตัด ทำให้ความฝันเรื่องการพิชิตยอดเขาของเธอจบสิ้นลง แล้วก็หนีหายไปไม่กลับอังกฤษ แต่ไปร่อนเร่เป็นนักถ่ายภาพอยู่แถวหิมาลัยแทน ส่วนเชมี่ ก็กลายเป็นนักสำรวจขั้วโลกที่มีชื่อเสียง ถึงแม้จะพรั่งพร้อมความสำเร็จ แต่กลับไม่มีความสุข เขาเปลี่ยนคู่ขาไปเรื่อยๆ แต่ยังถวิลหาวิลล่าไม่วาย จนวันหนึ่งเขาได้เจอหญิงสาวสวยนิสัยดีคนหนึ่งชื่อเจนนี่ เชมี่จึงตัดสินใจจะตัดใจจากอดีต และแต่งงานกับเธอ แต่แล้วพ่อของวิลล่าเสียชีวิต วิลล่ารู้ข่าวจึงเดินทางกลับมา ทั้งสองจึงได้พบกันอีกครั้ง

ทำไมพระเอกนางเอกเรื่องนี้เลวอย่างนี้ ที่ผ่านมาทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตแบบนึกถึงแต่ตัวเองมาตลอด ไม่มีความสุขก็สมน้ำหน้าแล้วทำตัวเอง แค่เห็นแก่ตัวนี่ยังพอรับได้ แต่ทำไมต้องลากคนดีๆ ให้มารับกรรมไปด้วย วิลล่ากลับมาปุ๊บก็เพ้อใส่เชมี่ทันที ฉันยังรักคุณ ที่หายไป 8 ปีเพราะกลัวคุณไม่ยกโทษให้ฉัน ตกลงมันไม่ได้มีประเด็นอะไรที่จะต้องจากกันเลยใช่มั้ย แค่บ้าทำใจไม่ได้ก็นั่งทรมานตัวเองกับคนที่รัก ส่วนเชมี่ก็พอกัน เมียตัวเองก็อยู่แถวนั้น ลูกในท้องก็อีกล่ะ นัดผู้หญิงอื่นเข้าโรงแรม ไม่ต้องอ้างเลยทั้งสิ้นว่ารักกันมาก่อน ตอนอ่านถึงตรงนี้เราสงสารเจนนี่มากๆ จากตัวละครที่เป็นคนดีตอนแรก เดี๋ยวคงจะต้องแย่ แล้วสุดท้ายเธอคงต้องตายแน่ๆ เพื่อเปิดทางให้ชายโฉดหญิงชั่ว ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเอกนางเอกเล่มนี้ได้เสวยสุขกัน

ที่จริงเนื้อเรื่องส่วนใหญ่มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเท่าไหร่ เพราะจริงๆ มันมีเรื่องราวอย่างอื่นเยอะมาก ข้างบนนั่นยังแค่ต้นเรื่องเอง ฉากของเรื่องอยู่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 พล็อตเรื่องสำคัญของเล่มเป็นเรื่องสายลับเยอรมัน พอสงครามเกิด เชมี่ก็ไปรบ ส่วนวิลล่าก็ไปช่วยงานสปายในทะเลทรายอารเบีย เรื่องราวมันก็ดราม่าผจญภัย สลับซับซ้อนย้อนแย้งไปมากับตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะจากตัวร้ายของเรื่อง แม็กซ์ ที่เป็นหัวหน้าจารชนเยอรมัน เป็นตัวละครที่น่าทึ่งทีเดียว เวลาตัวละครอื่นโผล่มา เราตั้งใจอ่านมากกว่าตอนกล่าวถึงพระเอกนางเอกซะอีก ชอบอินเดียกับซิดมาก แต่บทส่วนใหญ่อยู่ที่เชมี่กับวิลล่าซะ 80% เพราะฉะนั้นตั้งแต่เจอพฤติกรรมสามานย์เมื่อตอน 1/3 เรื่อง ก็ทำให้เราหัวเสียกับสองคนนี้มากๆ เลย ทำให้หลังจากนั้นอ่านเนื้อเรื่องอื่นๆ ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เสียดายเนื้อเรื่อง ถ้าได้ตัวละครที่ชอบ ก็คงจะอ่านสนุกกว่านี้ นี่ขนาดไม่แคร์ ยังอ่านไม่อยากวางเลย ให้ภาพรายละเอียดทางประวัติศาสตร์แบบมีสีสันดี ไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่ใช้ฉากยุคนี้ อ่านเล่มนี้ก็ได้บรรยากาศแปลกไปอีกแบบ

แต่พระเอกนางเอกนี่ไม่ไหวจริงๆ จนท้ายเรื่องก็ยังแย่ วิลล่านี่ทั้งเรื่องมีอะไรกับผู้ชายตั้งหลายคนไม่กลัวท้องบ้างเหรอ จะมีเซ็กส์กับกี่คนก็ตามใจถ้าคิดว่าทำแล้วพอใจ แต่การปล่อยตัวทำลายตัวเองนี่ช่างโง่เง่าสุดแสน เชมี่ก็ไม่ได้สำนึกตัวเองเท่าไหร่ ยังอุตส่าห์คิดว่าที่เจนนี่ทำนั้นผิด นั่นก็เพราะใครล่ะ รับไม่ได้จริงๆ ดูกรรมมันก็ต้องดูเจตนาด้วย โกหกเพื่อรั้งสามีให้อยู่กับตัว กับโกหกเพื่อนอกใจภรรยา นี่มันต่างกันไกลนะ อันที่จริงเจนนี่พ้นทางไปง่ายมาก แต่เราก็ยังรู้สึกดีที่ผู้แต่งไม่ทำลายแคแรกเตอร์ แค่รักจนตาบอดโง่ถูกหลอกใช้ ไม่ได้หาความชอบธรรมให้เชมี่ ด้วยการทำให้เธอเลวร้ายมากมายอะไรจนขัดกับบุคลิกตอนแรกสิ้นเชิง อย่างนี้ดีแล้วทำให้เราเกลียดพระเอกนางเอกเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจเต็มที่ตั้งแต่ต้นจนจบ

รวมๆ แล้ว เล่มนี้เป็นการจบไตรภาคที่ไม่สวยเลย มีบางคนบอกว่า อยากให้เขียนเรื่องของลูกๆ บ้านนี้ต่อ แต่เราว่าอย่าดีกว่า เล่มนี้โจก็อายุ 50 กว่าแล้ว เราไม่ชอบเห็นพระเอกนางเอกภาคก่อนๆ แก่เลย แล้วไม่อยากให้ครอบครัวนี้เจอเรื่องรันทดอีก เล่มนี้ก็สงสารตัวละครจากภาคที่แล้ว มีเรื่องเสียใจกันหลายที ถ้ามีเล่มใหม่ก็คงดราม่าไปมาอีก ลำบากลำบนเหลือเกิน พอเหอะ เขียนเรื่องใหม่ดีกว่า ฝีมือระดับ Jennifer Donnelly ทำได้ดีกว่านี้